พบผลลัพธ์ทั้งหมด 567 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นคดีต่างหากได้
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขาย ขอเงินมัดจำและเงินค่างวดที่โจทก์จ่ายไปแล้วคืนพร้อมดอกเบี้ย พร้อมกับฟ้องโจทก์ได้ยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉินขอให้ศาลชั้นต้นยึดหรืออายัดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งอนุญาตในวันถัดไป จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับฟ้องแย้งว่า การที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ก็โดยการอ้างเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อ ขอเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์ ดังนี้ มูลหนี้ตามฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกว่าวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมาย คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากไปจากคำฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยที่ 1 จักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากการยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษาเป็นคดีต่างหากได้
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายขอเงินมัดจำและเงินค่างวดที่โจทก์จ่ายไปแล้วคืนพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกับฟ้องโจทก์ได้ยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉินขอให้ศาลชั้นต้นยึดหรืออายัดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งอนุญาตในวันถัดไปจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับฟ้องแย้งว่าการที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ก็โดยการอ้างเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อขอเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์ดังนี้มูลหนี้ตามฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกว่าวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายคือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากไปจากคำฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยที่1จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมชอบที่จำเลยที่1จักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากยึดทรัพย์ชั่วคราวก่อนพิพากษา เป็นคดีต่างหากจากฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายขอเงินมัดจำและเงินค่างวดที่โจทก์จ่ายไปแล้วคืนพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกับฟ้องโจทก์ได้ยื่นคำร้องในเหตุฉุกเฉินขอให้ศาลชั้นต้นยึดหรืออายัดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งอนุญาตในวันถัดไปจำเลยให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับฟ้องแย้งว่าการที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ก็โดยการอ้างเท็จเป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อขอเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ที่เกิดจากการที่ศาลชั้นต้นสั่งยึดที่ดินของจำเลยที่1ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามคำขอของโจทก์ดังนี้มูลหนี้ตามฟ้องแย้งของจำเลยดังกล่าวเกิดจากกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่เรียกว่าวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาเกิดขึ้นตามบทบัญญัติของกฎหมายคือป.วิ.พ.ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งต่างหากไปจากคำฟ้องเดิมฟ้องแย้งของจำเลยที่1จึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมชอบที่จำเลยที่1จักฟ้องโจทก์เป็นคดีต่างหาก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอคืนของกลาง: ศาลไม่พิจารณาการกระทำความผิดที่สิ้นสุดแล้ว และต้องมีหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของ
ในชั้นขอคืนของกลางศาลจะไม่วินิจฉัยปัญหาในเรื่องการกระทำความผิดของจำเลยซึ่งถึงที่สุดไปแล้วให้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 944/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คโดยสุจริตของผู้ทรงเช็คและการรับผิดของผู้สั่งจ่ายแม้จะมีการตกลงเรื่องหนี้สินก่อนหน้านี้
การโอนเช็คจะถือว่ามีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉลหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะนำสืบให้ฟังได้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทโดยรู้ว่าจำเลยไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็ค การที่จำเลยเอาเงินของบ. ไปแล้วออกเช็คมิได้ลงวันถึงกำหนดให้ใช้เงินให้บ. ไว้แสดงอยู่ในตัวว่ายินยอมให้บ. กรอกวันตามที่บ. เห็นสมควรลงในเช็คเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คได้ อายุความฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่ายเริ่มนับตั้งแต่วันที่เช็คถึงกำหนดหรือวันที่ลงในเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: การแย่งการครอบครองและการฟ้องคืนสิทธิ
ที่พิพาทเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์โจทก์เคยขอให้ทางอำเภอเรียกจำเลยไปตกลงเรื่องค่าเช่าที่พิพาทที่ค้างชำระจำเลยโต้แย้งว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทแสดงว่านับแต่นั้นเป็นต้นไปจำเลยได้แย่งการครอบครองที่พิพาทไปจากโจทก์แล้วเมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยเมื่อเกิน1ปีนับจากนั้นโจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินวางศาลชำระหนี้ตามคำพิพากษา: สิทธิเรียกร้องภายใน 5 ปีนับจากวันวางเงิน
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้นถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323ผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่นำเงินมาวางศาลซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายใน 5 ปีจึงตกเป็นของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงินวางศาลชำระหนี้ตามคำพิพากษา: กรอบเวลา 5 ปีในการเรียกร้อง มิฉะนั้นตกเป็นของแผ่นดิน
เงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ตามที่ศาลออกคำบังคับนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323 ผู้มีสิทธิจะต้องเรียกเอาภายใน 5 ปี นับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล ซึ่งเป็นวันที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเงินนั้นได้ มิใช่นับจากวันที่ผู้มีสิทธิ์ได้ทราบถึงการวางเงิน เมื่อโจทก์ผู้มีสิทธิ์มิได้เรียกร้องเอาภายใน 5 ปี จึงตกเป็นของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลอุทธรณ์ลดโทษและให้รอการลงโทษเหมาะสมกับพฤติการณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก2ปีโดยไม่รอการลงโทษศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก1ปี6เดือนและปรับ15,000บาทให้รอการลงโทษไว้เป็นการแก้ไขมากโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ข้อหาความผิดฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตปรากฏว่าจำเลยมีเครื่องยนต์เลื่อยไม้ขนาด1แรงม้า1เครื่องพร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องเลื่อย1ชุด ตั้งอยู่บริเวณชายคาบ้านจำเลยและมีขี้เลื่อยอยู่ใต้แท่นเลื่อยประมาณ1ปีการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก1ปี6เดือนและปรับ15,000บาทให้รอการลงโทษจำคุกไว้2ปีเป็นการใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์แห่งคดีเหมาะสมแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกซ้ำซ้อน ศาลต้องลงโทษตามบทบัญญัติที่ให้ระวางโทษหนักขึ้นเท่านั้น
ป.อ.มาตรา336ทวิเป็นบทบัญญัติให้ระวางโทษหนักขึ้นมิใช่การเพิ่มโทษศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา335(1)(3)(8)ประกอบด้วยมาตรา336ทวิจำคุก5ปีเป็นการระวางโทษหนักขึ้นกึ่งหนึ่งตามมาตรา336ทวิแล้วยังเพิ่มโทษตามมาตรา336ทวิอีกกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก7ปี6เดือนจึงเป็นการเพิ่มโทษโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย.