พบผลลัพธ์ทั้งหมด 369 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3463/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทนายความ ค่าจ้างเหมาสมเหตุสมผล การคิดค่าจ้างตามส่วนงานที่ทำสำเร็จเมื่อสัญญาสิ้นสุด
โจทก์บรรยายฟ้องว่าเมื่อประมาณพ.ศ.2515 ฉ.ตกลงว่าจ้างให้ว. เป็นทนายความดำเนินการขับไล่ผู้เช่าให้ออกไปจาก ที่ดินของฉ.และว. ตกลงรับจ้างจัดการขับไล่ผู้เช่า ทั้งหมด โดยตกลงเหมากันทำให้แล้วเสร็จ ในอัตราค่าจ้าง1,000,000 บาทกำหนดชำระค่าจ้างกันเมื่อได้ขับไล่ผู้เช่าทั้งหมดออกไปแล้วดังนี้ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ฉ. มีความประสงค์ที่จะขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินให้ออกไปเพื่อใช้ที่ดิน ปลูกสร้างอาคารจึงได้ไปปรึกษากับว.และตกลงจ้างว.ที่ว. รับออก ค่าใช้จ่ายไปก่อนก็ เพราะฉ.เป็นเพื่อนสนิทกับว.เป็นกรณีที่ว.ออก ค่าใช้จ่ายทดรองไปก่อนโดยสุจริต. ถือไม่ได้ว่า ว. ยุยงส่งเสริมให้มีการ ฟ้องคดีกัน ทั้งค่าจ้างที่ ฉ.ตกลงให้ว.ก็ไม่มากเกินสมควร.ส่วนที่ฉ. จะให้ ค่าจ้างเป็นเงิน 1,000,000 บาท หรือถ้าไม่มีเงินให้ก็ จะให้เป็น ตึกแถว 2 ห้องนั้นก็เป็นข้อเสนอและความประสงค์ ของฉ.เองซึ่งฉ. จะให้เป็นเงินก็ได้ทั้งตึกแถว 2 ห้องนั้นก็มิใช่เป็นทรัพย์ที่พิพาทกัน ในคดีจึงยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของว.เป็นการ แสวงหาประโยชน์ จากการที่ผู้อื่นเป็นความกัน และคิดค่าจ้าง โดยแบ่งเอาจากทรัพย์สิน ที่เป็นมูลพิพาทดังนี้ สัญญาจ้างหาตกเป็นโมฆะไม่
ฉ.ตกลงจ้างว.ให้ดำเนินการขับไล่ผู้เช่าให้ออกไป จากที่ดินเป็นเงิน 1,000,000บาท และว.ได้กระทำการ ตามที่ฉ.ว่าจ้างไปบ้างแล้ว.ต่อมาทั้งฉ. และว.ถึงแก่ความตายสัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงฉ.จำต้องใช้สินจ้าง ตามส่วนของการงานที่ได้ทำไปแล้วอันเป็นประโยชน์ แก่ฉ.ซึ่งศาล กำหนดให้เป็นเงิน 450,000 บาทนั้น เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว
ฉ. มีความประสงค์ที่จะขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินให้ออกไปเพื่อใช้ที่ดิน ปลูกสร้างอาคารจึงได้ไปปรึกษากับว.และตกลงจ้างว.ที่ว. รับออก ค่าใช้จ่ายไปก่อนก็ เพราะฉ.เป็นเพื่อนสนิทกับว.เป็นกรณีที่ว.ออก ค่าใช้จ่ายทดรองไปก่อนโดยสุจริต. ถือไม่ได้ว่า ว. ยุยงส่งเสริมให้มีการ ฟ้องคดีกัน ทั้งค่าจ้างที่ ฉ.ตกลงให้ว.ก็ไม่มากเกินสมควร.ส่วนที่ฉ. จะให้ ค่าจ้างเป็นเงิน 1,000,000 บาท หรือถ้าไม่มีเงินให้ก็ จะให้เป็น ตึกแถว 2 ห้องนั้นก็เป็นข้อเสนอและความประสงค์ ของฉ.เองซึ่งฉ. จะให้เป็นเงินก็ได้ทั้งตึกแถว 2 ห้องนั้นก็มิใช่เป็นทรัพย์ที่พิพาทกัน ในคดีจึงยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของว.เป็นการ แสวงหาประโยชน์ จากการที่ผู้อื่นเป็นความกัน และคิดค่าจ้าง โดยแบ่งเอาจากทรัพย์สิน ที่เป็นมูลพิพาทดังนี้ สัญญาจ้างหาตกเป็นโมฆะไม่
ฉ.ตกลงจ้างว.ให้ดำเนินการขับไล่ผู้เช่าให้ออกไป จากที่ดินเป็นเงิน 1,000,000บาท และว.ได้กระทำการ ตามที่ฉ.ว่าจ้างไปบ้างแล้ว.ต่อมาทั้งฉ. และว.ถึงแก่ความตายสัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงฉ.จำต้องใช้สินจ้าง ตามส่วนของการงานที่ได้ทำไปแล้วอันเป็นประโยชน์ แก่ฉ.ซึ่งศาล กำหนดให้เป็นเงิน 450,000 บาทนั้น เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่: โจทก์ต้องร้องขอให้บังคับคดีสำหรับบริวารจำเลยภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้วโจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งสำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดีแต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าวแต่ประการใด จึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขับไล่และการขอออกหมายจับบริวารจำเลยต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
เมื่อศาลออกคำบังคับตามคำพิพากษาแล้ว โจทก์จะต้องร้องขอบังคับคดีอีกชั้นหนึ่งโดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติ มาตรา 271 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง สำหรับคดีฟ้องขับไล่เป็นคดีที่ไม่ต้องดำเนินการทางเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่โจทก์ต้องร้องขอต่อศาลดำเนินการจับหรือจำขังจำเลยและบริวารเพื่อให้ปฏิบัติตามคำบังคับซึ่งเป็นการร้องขอให้บังคับคดีตามบทบัญญัติมาตรา 271 นั่นเองในคดีนี้โจทก์ร้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยแต่ผู้เดียวภายในกำหนด 10 ปีส่วนบริวารจำเลยโจทก์มิได้ร้องขอให้ดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าว แต่ประการใดจึงเลยระยะเวลาที่โจทก์จะร้องขอบังคับคดีสำหรับบริวารจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้หลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หนี้เดิมยังคงมีผล ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้
ลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค ซึ่งเป็นหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94แม้ต่อมาจะมีการทำสัญญาขายลดเช็คฉบับใหม่ เพื่อเปลี่ยนกับสัญญาเดิมอันเป็นการแปลงหนี้ใหม่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วซึ่งลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำตามมาตรา 24 การ แปลงหนี้ใหม่จึงไม่สมบูรณ์หนี้เดิมย่อมยังไม่ระงับสิ้นไปตามบทบัญญัติมาตรา 351 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ขอรับชำระหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หนี้เดิมยังคงมีผลบังคับใช้ ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้
ลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค ซึ่งเป็นหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 แม้ต่อมาจะมีการทำสัญญาขายลดเช็คฉบับใหม่เพื่อเปลี่ยนกับสัญญาเดิมอันเป็นการแปลงหนี้ใหม่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วซึ่งลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำตามมาตรา 24 การ แปลงหนี้ใหม่จึงไม่สมบูรณ์หนี้เดิมย่อมยังไม่ระงับสิ้นไปตามบทบัญญัติมาตรา 351 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ผู้ขอรับชำระหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของสถานที่ปล่อยให้มีการลักและปลอมปนน้ำมัน ถือเป็นตัวการร่วม
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านสถานที่จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงยอมให้รถยนต์บรรทุกขนส่งน้ำมัน เข้าไปสูบถ่ายปลอมปนน้ำมัน โดยใช้สถานที่และเครื่องมือเครื่องใช้ของตนพฤติการณ์ย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 2 ร่วมเป็นตัวการลักน้ำมัน และปลอมปนน้ำมันด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3249/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของสถานที่ปล่อยให้มีการลักน้ำมันและปลอมปน ถือเป็นตัวการร่วมกระทำผิด
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านสถานที่จำหน่าย น้ำมันเชื้อเพลิงยอมให้รถยนต์บรรทุกขนส่งน้ำมัน เข้าไปสูบถ่ายปลอมปนน้ำมันโดยใช้สถานที่และเครื่องมือเครื่องใช้ของตน พฤติการณ์ย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 2 ร่วมเป็นตัวการลักน้ำมัน และปลอมปนน้ำมันด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการบังคับคดีและการดำเนินการในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้มีสิทธิรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดก่อนศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อได้มีการบังคับคดีแพ่งโดยขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลย และมีผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนด 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามบทบัญญัติมาตรา 290 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและภายในกำหนด 14 วันดังกล่าวยังไม่มีการสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยนี้ในคดีล้มละลาย ย่อมถือได้ว่าการบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้จึงไม่มีอำนาจโอนเงินในคดีแพ่งมาในคดีล้มละลายได้ตามนัย มาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483. มาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เป็นเพียงบทบัญญัติที่วางวิธีปฏิบัติของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นไปตามมาตรา 110 เท่านั้น
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องขอเฉลี่ยไม่ถูกต้องและยังไม่มีการไต่สวนคำร้องดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะพิพากษาให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยและโจทก์ได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ได้จากการขายทอดตลาดไปเลยทีเดียว
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องขอเฉลี่ยไม่ถูกต้องและยังไม่มีการไต่สวนคำร้องดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะพิพากษาให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยและโจทก์ได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ได้จากการขายทอดตลาดไปเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับก่อนหลังการบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: เงินจากการขายทอดตลาดเป็นของเจ้าหนี้ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
เมื่อได้มีการบังคับคดีแพ่งโดยขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยและมีผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายในกำหนด 14 วันนับแต่วันขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยตามบทบัญญัติมาตรา 290 วรรคสามแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและภายในกำหนด 14 วันดังกล่าวยังไม่มีการสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยนี้ในคดีล้มละลายย่อมถือได้ว่าการบังคับคดีได้สำเร็จบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้จึงไม่มีอำนาจโอนเงินในคดีแพ่งมาในคดีล้มละลายได้ตามนัย มาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483. มาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 เป็นเพียงบทบัญญัติที่วางวิธีปฏิบัติของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้เป็นไปตามมาตรา 110 เท่านั้น
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องขอเฉลี่ยไม่ถูกต้องและยังไม่มีการไต่สวนคำร้องดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะพิพากษาให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยและโจทก์ได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ได้จากการขายทอดตลาดไปเลยทีเดียว
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอเฉลี่ยของผู้ร้องขอเฉลี่ยไม่ถูกต้องและยังไม่มีการไต่สวนคำร้องดังกล่าว ศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบที่จะพิพากษาให้ผู้ร้องขอเฉลี่ยและโจทก์ได้รับการเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่ได้จากการขายทอดตลาดไปเลยทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3016/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการโต้แย้งสิทธิ ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ผู้มีสิทธิครอบครอง และโจทก์เป็นฝ่ายครอบครองตลอดมา การที่จำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และได้นำเจ้าหน้าที่ไปรังวัดที่ดินพิพาทกับนำหลักซีเมนต์ไปปักไว้เป็นแนวเขตที่ดินพิพาทหาใช่เป็นการเข้าแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทไม่ ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์เท่านั้นดังนี้ ข้ออ้างการแย่งสิทธิครอบครองของจำเลยย่อมจะยังไม่เกิดขึ้น จะนำเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1374,1375 มาบังคับแก่คดีหาได้ไม่