คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยรรยง อิทธิพงษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 369 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่า: การกระทำจ่อปืนขู่ ไม่ถึงขั้นลงมือจริง
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยาวกระชากลูกเลื่อนให้กระสุนปืนเข้ารังเพลิงพร้อมยิงแล้วจ่อปืนที่หน้าอกผู้เสียหายห่างราว 1 คืบพร้อมกับพูดว่า มึงตาย เสียเถอะ ขณะนั้นผู้เสียหายนั่งดู โทรทัศน์อยู่กับพื้น หากจำเลยจะยิงจริงก็ยิงได้ จำเลยกับผู้เสียหายนับถือกันเพิ่งมีเรื่องขัดใจกันเพียงเล็กน้อยเพราะผู้เสียหายทวงเงินค่าเบียร์ 30 บาท การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงแต่มีเจตนาขู่ให้ผู้เสียหายตกใจกลัว ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีนอกเหนือคู่ความ: ศาลมิอาจพิพากษาบังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีได้ แม้เป็นประโยชน์ต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์และให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกน.ส.3 ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความ ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลไม่อาจพิพากษาถึงบุคคลภายนอกคดี แม้เป็นประโยชน์ต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากไม่ได้ฟ้องเป็นคู่ความ
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์และให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการ ออกน.ส.3 ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความ ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิด: การลงชื่อสั่งจ่ายเช็คโดยมิได้กรอกข้อความ ไม่ถือเป็นความร่วมกระทำในการทุจริต
จำเลยที่ 2 เป็นเพื่อนกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท ให้จำเลยที่ 1 ไปโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ จำเลยที่ 1 รับเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2แล้วทำการกรอกข้อความแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นในการทุจริตของจำเลยที่ 1 ในการกรอกข้อความในการ์ดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยที่ 2 หรือร่วมมือให้จำเลยที่ 1 กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินลงในเช็คพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2369/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดของผู้ออกเช็คโดยมิได้กรอกจำนวนเงิน: ต้องพิสูจน์เจตนาหรือความร่วมมือในการทุจริต
จำเลยที่ 2 เป็นเพื่อนกับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2ลงชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาท ให้จำเลยที่ 1 ไปโดยยังมิได้กรอกข้อความใด ๆ จำเลยที่ 1 รับเช็คพิพาทของจำเลยที่ 2แล้วทำการกรอกข้อความแล้วนำไปเบิกเงินจากธนาคารโจทก์กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 2 ได้รู้เห็นในการทุจริตของจำเลยที่ 1 ในการกรอกข้อความในการ์ดบัญชีกระแสรายวันของจำเลยที่ 2 หรือร่วมมือให้จำเลยที่ 1 กรอกข้อความสั่งจ่ายเงินลงในเช็คพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองกัญชา: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากไม่ได้เป็นผู้ปลูกและไม่มีส่วนรู้เห็น
ห. คนทำสวนของจำเลยปลูกต้นกัญชาในที่ดินของจำเลย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากจำเลย ต้นกัญชาเป็นของ ห. ผู้ปลูก ไม่ใช่ของจำเลยจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองกัญชา: ผู้ปลูกไม่ใช่ผู้ครอบครอง จำเลยไม่มีความผิด
ห. คนทำสวนของจำเลยปลูกต้น กัญชาในที่ดินของจำเลย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากจำเลย ต้น กัญชาเป็นของ ห. ผู้ปลูก ไม่ใช่ของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา: โจทก์ต้องมาศาลเพื่อแจ้งรายละเอียดการฟ้องด้วยตนเอง
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในศาลแขวงนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20กำหนดไว้ว่าถ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามายังพนักงานอัยการเพื่อฟ้องศาลโดยไม่ต้องสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่าการฟ้องด้วยวาจาให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่ และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ เช่นนี้ โจทก์จึงต้องมาศาล เมื่อโจทก์เพียงแต่ให้พนักงานธุรการนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามายื่นต่อศาล โดยโจทก์ไม่มาศาล ย่อมถือไม่ได้ว่ามีการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา
บันทึกการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา และเพื่อความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา โจทก์ต้องไปศาลเพื่อแจ้งข้อมูลด้วยตนเอง มิฉะนั้นถือว่าไม่เป็นการฟ้อง
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาในศาลแขวงนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 กำหนดไว้ว่าถ้าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ให้พนักงานสอบสวนนำผู้ต้องหามายังพนักงานอัยการ เพื่อฟ้องศาลโดยไม่ต้องสอบสวนและให้ฟ้องด้วยวาจา และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่าการฟ้องด้วยวาจาให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อโจทก์ ชื่อ ที่อยู่ และสัญชาติของจำเลย ฐานความผิด การกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆ อีกหลายประการ เช่นนี้ โจทก์จึงต้องมาศาล เมื่อโจทก์เพียงแต่ให้พนักงานธุรการนำบันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจามายื่นต่อศาล โดยโจทก์ไม่มาศาล ย่อมถือไม่ได้ว่ามีการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา
บันทึกการฟ้องคดีด้วยวาจาของโจทก์เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีด้วยวาจา และเพื่อความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาต้องมีการแจ้งรายละเอียดต่อศาลโดยโจทก์เอง การมอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินการแทนไม่ถือเป็นการฟ้อง
บันทึกการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาของโจทก์นั้น เป็นเพียงหลักฐานการฟ้องคดีอาญาด้วยวาจา และเป็นความสะดวกที่ศาลจะบันทึกการฟ้องด้วยวาจาลงในแบบพิมพ์ของศาลได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น หาใช่ฟ้องด้วยวาจาตามกฎหมายไม่ แม้ตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯ จะมิได้บังคับโดยตรงว่าโจทก์ต้องไปศาล แต่มาตรา 19 ของ พ.ร.บ. ดังกล่าวบัญญัติให้โจทก์แจ้งต่อศาลถึงชื่อ โจทก์ ชื่อ ที่อยู่และสัญชาติของจำเลยฐานความผิด การกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดและอื่น ๆอีกหลายประการ เห็นได้ว่าลักษณะของงานบังคับให้โจทก์ต้องไปศาลอยู่ในตัว เมื่อโจทก์ไม่ไปศาลย่อมถือว่าไม่มีการฟ้องคดี.
of 37