พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,242 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดิน: การได้มาโดยการครอบครอง การออก น.ส.3 โดยไม่ชอบ และผลต่อผู้รับโอน
จำเลยเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ระหว่างที่จำเลยไม่อยู่ ต. ขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)ทับที่ดินของจำเลย โดยจำเลยมิได้ยินยอมด้วย ต. ย่อมไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองตามกฎหมาย การที่ ต. นำที่ดินพิพาทมาขายให้ ส.แล้ว ส. โอนขายที่ดินพิพาทซึ่งตนไม่มีสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์ต่อ แม้จะทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม โจทก์ก็ไม่ได้สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์อ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 มาใช้บังคับไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย: ลูกหนี้ร่วม, สัญญาเพิ่มเติม, และผลของการทำสัญญารับใช้หนี้
การเรียกเอาดอกเบี้ยค้างส่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์และรับเงินครบถ้วนเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม2518 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ครั้นวันที่ 1 ธันวาคม 2526จำเลยที่ 4 ที่ 5 ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้โดยยอมชำระดอกเบี้ยค้างส่งทั้งหมด การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2527 คดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ที่ 5 เกี่ยวกับหนี้ดอกเบี้ยค้างส่งจึงไม่ขาดอายุความ ส่วนจำเลยที่ 1 มิได้ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้ดังกล่าวด้วย จึงไม่ต้องผูกพันโดยสัญญาดังกล่าว โจทก์มีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างส่งจากจำเลยที่ 1 ได้เพียงภายใน 5 ปีนับแต่วันฟ้องย้อนหลังลงไป อายุความฟ้องร้องเรียกคืนเงินกู้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงกำหนด 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ดอกเบี้ยและเงินกู้: ลูกหนี้ร่วมและผู้รับผิดชอบหนี้
การเรียกเอาดอกเบี้ยค้างส่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์และรับเงินครบถ้วนเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม2518 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย ครั้นวันที่ 1 ธันวาคม 2526 จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้โดยยอมชำระดอกเบี้ยค้างส่งทั้งหมดของจำเลยที่ 1 การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 กันยายน2527 คดีโจทก์สำหรับหนี้ดอกเบี้ยค้างส่งจึงไม่ขาดอายุความแต่จำเลยที่ 1 มิได้ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้ดังกล่าวด้วย จึงย่อมไม่ต้องถูกผูกพันโดยสัญญาดังกล่าว โจทก์มีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างส่งได้เพียงภายใน 5 ปี นับแต่วันฟ้องย้อนหลังลงไป อายุความฟ้องร้องเรียกคืนเงินกู้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3212/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย: การคำนวณอายุความตามสัญญาและข้อตกลง
การเรียกเอาดอกเบี้ยค้างส่งมีกำหนดอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 166 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์และรับเงินครบถ้วนเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2518 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จำเลยที่ 1 ไม่ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย ครั้นวันที่ 1 ธันวาคม 2526 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้โดยยอมชำระดอกเบี้ยค้างส่งทั้งหมดของจำเลยที่ 1 การที่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2527 คดีโจทก์สำหรับหนี้ดอกเบี้ยค้างส่งจึงไม่ขาดอายุความแต่จำเลยที่ 1 มิได้ทำสัญญารับใช้หนี้เงินกู้ดังกล่าวด้วย จึงย่อมไม่ต้องถูกผูกพันโดยสัญญาดังกล่าว โจทก์มีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างส่งได้เพียงภายใน 5 ปี นับแต่วันฟ้องย้อนหลังลงไป
อายุความฟ้องร้องเรียกคืนเงินกู้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
อายุความฟ้องร้องเรียกคืนเงินกู้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น จึงมีกำหนดสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากโจทก์ไม่แถลงภายในกำหนดหลังส่งหมายเรียกไม่ได้ ศาลฎีกาชี้ว่าคำสั่งยืนยันคำสั่งเดิม และโจทก์ทราบคำสั่งแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า รับคำฟ้อง หมายเรียกส่งสำเนาให้จำเลยไม่มีผู้รับโดยชอบ และไม่มีภูมิลำเนาแห่งอื่นให้ปิดหมาย ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ เมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องแถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานการเดินหมายอีกว่าให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ ก็เป็นเพียงการยืนยันถึงคำสั่งในคำฟ้องเท่านั้น ซึ่งหากศาลชั้นต้นจะไม่มีคำสั่งในรายงานการเดินหมาย โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งในคำฟ้องอยู่เช่นเดิมโดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องแจ้งคำสั่งในรายงานการเดินหมายให้โจทก์ทราบอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดจึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้อง: ศาลยืนยันคำสั่งให้โจทก์แถลงหลังส่งหมายไม่ได้ แม้ไม่มีการแจ้งซ้ำ โจทก์ทราบคำสั่งจากคำฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า รับคำฟ้อง หมายเรียกส่งสำเนาให้จำเลยไม่มีผู้รับโดยชอบ และไม่มีภูมิลำเนาแห่งอื่นให้ปิดหมายถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ และข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกด้วยกัน เมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องแถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานการเดินหมายอีกว่าให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ก็เป็นเพียงการยืนยันถึงคำสั่งในคำฟ้องเท่านั้นซึ่งหากศาลชั้นต้นจะไม่มีคำสั่งในรายงานการเดินหมาย โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งในคำฟ้องอยู่เช่นเดิม โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องแจ้งคำสั่งในรายงานการเดินหมายให้โจทก์ทราบอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3191/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่แถลงการหลังส่งหมายเรียกไม่ได้ ศาลพิจารณาจากคำสั่งในคำฟ้องเป็นหลัก
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องว่า รับคำฟ้อง หมายเรียกส่งสำเนาให้จำเลยไม่มีผู้รับโดยชอบ และไม่มีภูมิลำเนาแห่งอื่นให้ปิดหมายถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ และข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้แทนโจทก์กับเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกด้วยกัน เมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องแถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งในรายงานการเดินหมายอีกว่าให้โจทก์แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ ก็เป็นเพียงการยืนยันถึงคำสั่งในคำฟ้องเท่านั้นซึ่งหากศาลชั้นต้นจะไม่มีคำสั่งในรายงานการเดินหมาย โจทก์ก็ยังมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งในคำฟ้องอยู่เช่นเดิม โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องแจ้งคำสั่งในรายงานการเดินหมายให้โจทก์ทราบอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่แถลงต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด จึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3156/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเลิกจ้างของนายจ้างไม่ต้องระบุเหตุในคำสั่งเลิกจ้าง เหตุผลสามารถยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การได้
การที่ นายจ้าง เลิกจ้างลูกจ้าง เป็นเรื่องที่ นายจ้าง ใช้สิทธิเลิกสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับว่าจะต้องระบุเหตุแห่งการเลิกจ้างนั้นด้วย เมื่อลูกจ้างนำคดีมาฟ้อง นายจ้างก็มีสิทธิที่จะอ้างเหตุแห่งการเลิกจ้างไว้ในคำให้การ ซึ่งก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3156/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่ต้องระบุเหตุ และสิทธิของนายจ้างในการอ้างเหตุในคำให้การ
การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างเป็นเรื่องที่นายจ้างใช้สิทธิเลิกสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายบังคับว่าจะต้องระบุเหตุแห่งการเลิกจ้างนั้นด้วย เมื่อลูกจ้างนำคดีมาฟ้อง นายจ้างก็มีสิทธิที่จะอ้างเหตุแห่งการเลิกจ้างไว้ในคำให้การ ซึ่งก่อให้เกิดประเด็นข้อพิพาทขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างต่อเนื่องและการหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชย: ศาลพิจารณาอายุงานต่อเนื่องจากสัญญาจ้างหลายฉบับ
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ฉบับแรกไม่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างต่อมาได้ทำสัญญาจ้างฉบับที่ 2 และที่ 3 โดยไม่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างเช่นเดียวกัน และสัญญาจ้างฉบับหลังไม่มีข้อความให้ยกเลิกสัญญาจ้าง ฉบับแรก เมื่อโจทก์ได้ทำงานกับจำเลยติดต่อกันตลอดมา ตามพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงว่า จำเลยได้ทำสัญญาจ้างโจทก์รวมสามฉบับเพื่อประสงค์ที่จะให้อายุการทำงานของโจทก์น้อยลงโดยไม่นับอายุงานติดต่อกัน เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือจ่ายให้น้อยลง อันเป็นการหลีกเลี่ยงประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน กรณีของโจทก์ถือได้ว่าโจทก์ได้ทำงานติดต่อกันตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ข้อ 46 แล้ว จำเลยจ่ายค่าอาหารกลางวันให้เฉพาะลูกจ้างที่มาทำงานในวันทำงานปกติ ส่วนลูกจ้างซึ่งมิได้มาทำงานหรือในวันหยุด จำเลยไม่จ่ายให้ ค่าอาหารกลางวันจึงมีลักษณะเป็นการให้สวัสดิการแก่ลูกจ้างอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ค่าจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2.