พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,242 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องคัดค้านการบังคับคดี: ศาลชั้นต้นหรือศาลที่รับมอบหมาย
คำร้องซึ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลชั้นต้นที่ได้รับแต่ตั้งให้บังคับคดีแทนดำเนินการบังคับคดีโดยไม่ชอบนั้นผู้ร้องมีสิทธิยื่นต่อศาลที่ชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้นได้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่1/2529)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมเดิมยังใช้บังคับได้ แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนเงินภายหลัง
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้แม้ภายหลังจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนเงินในสัญญานั้นก็ไม่ทำให้การกู้ยืมเงินอันมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้แต่เดิมเสียไปโจทก์ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีตามหนังสือสัญญากู้ที่ทำไว้เดิมได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1186/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินเดิมยังใช้บังคับได้ แม้มีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนเงินภายหลัง
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้แม้ภายหลังจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนเงินในสัญญานั้นก็ไม่ทำให้การกู้ยืมเงินอันมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยผู้กู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้แต่เดิมเสียไปโจทก์ย่อมฟ้องร้องให้บังคับคดีตามหนังสือสัญญากู้ที่ทำไว้เดิมได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการหึงหวง ศาลลดโทษเนื่องจากความสำนึกผิดและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยสำนึกผิดในการกระทำของตนต่อผู้ตายซึ่งจำเลยหลงรักถือเป็นสามีเมื่อแทงและฟันผู้ตายจนล้มลงแล้วจำเลยมีโอกาสหลบหนีไปได้แต่ไม่หลบหนีกลับเข้าประคองกอดผู้ตายไว้จนสิ้นใจตายรอให้เจ้าพนักงานมาจับตัวไปดำเนินคดีและให้การรับสารภาพเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานด้วยความสำนึกผิดไม่ได้คิดที่จะต่อสู้คดีมาตั้งแต่ต้นการรับสารภาพของจำเลยจึงไม่ใช้รับเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษศาลลดโทษให้จำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดโทษทางอาญาจากความสำนึกผิดของผู้กระทำความผิดในคดีฆ่าผู้อื่น
จำเลยสำนึกผิดในการกระทำของตนต่อผู้ตายซึ่งจำเลยหลงรักถือเป็นสามีเมื่อแทงและฟันผู้ตายจนล้มลงแล้วจำเลยมีโอกาสหลบหนีไปได้แต่ไม่หลบหนีกลับเข้าประคองกอดผู้ตายไว้จนสิ้นใจตายรอให้เจ้าพนักงานมาจับตัวไปดำเนินคดีและให้การรับสารภาพเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานด้วยความสำนึกผิดไม่ได้คิดที่จะต่อสู้คดีมาตั้งแต่ต้น การรับสารภาพของจำเลยจึงไม่ใช่รับเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานและเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษศาลลดโทษให้จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องคัดค้านคำบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะ 'บริวาร' และสิทธิในทรัพย์สินหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
ศาลออกคำบังคับห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทเป็นของผู้ร้องไม่ใช่ของโจทก์เป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีผู้ร้องมีสิทธิร้องต่อศาลได้ตามป.วิ.พ.มาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการร้องคัดค้านคำบังคับคดีของบุคคลที่อ้างว่าตนไม่ใช่บริวารของจำเลย และมีสิทธิในที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้และคดีถึงที่สุดแล้วว่าให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องคำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วยเมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดีกรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา7(2),296ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิร้องขอในชั้นบังคับคดี: การโต้แย้งสถานะบริวารและสิทธิในที่ดินของผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีระหว่างโจทก์จำเลยคดีนี้ และคดีถึงที่สุดแล้วว่า ให้จำเลยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทและห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง คำพิพากษาจึงมีผลบังคับถึงบริวารของจำเลยด้วย เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็ได้ระบุไว้ในคำบังคับด้วยว่าห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท เมื่อผู้ร้องทั้งสี่ยื่นคำร้องขออ้างว่าตนมิได้เป็นบริวารของจำเลยและสิ่งปลูกสร้างกับที่พิพาทนี้เป็นของผู้ร้องทั้งสี่มิใช่ของโจทก์ จึงเป็นการตั้งข้อพิพาทกับโจทก์ในชั้นบังคับคดี กรณีจึงเป็นเรื่องผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิร้องขอต่อศาลได้โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7 (2), 296 ชอบที่จะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาหลอกลวงในการซื้อขายโคเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง แม้จะอ้างว่าชำระเงินแล้ว
จำเลยติดต่อผู้เสียหายให้หาซื้อโคให้ เมื่อจำเลยขายโคได้แล้วจะนำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระให้ ผู้เสียหายซื้อโคได้แล้วมอบให้จำเลยไปจำเลยไม่นำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระ เมื่อถูกจับกุมก็ให้การว่าได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อโคอย่างแท้จริง แต่ได้วางแผนหลอกลวงผู้เสียหายกับพวกมาตั้งแต่ต้นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะซื้อแต่ความจริงจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อและชำระราคาโค จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฉ้อโกง: การแสดงเจตนาซื้อที่ไม่จริงเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้ส่งมอบโค
จำเลยติดต่อผู้เสียหายให้หาซื้อโคให้เมื่อจำเลยขายโคได้แล้วจะนำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระให้ผู้เสียหายซื้อโคได้แล้วมอบให้จำเลยไปจำเลยไม่นำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระเมื่อถูกจับกุมก็ให้การว่าได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้วเห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อโคอย่างแท้จริงแต่ได้วางแผนหลอกลวงผู้เสียหายกับพวกมาตั้งแต่ต้นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะซื้อแต่ความจริงจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อและชำระราคาโคจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.