พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,242 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักเงินบำเหน็จเป็นประกันหนี้ต้องไม่กระทบสิทธิลูกจ้างหากลูกจ้างมิได้ประมาทเลินเล่อ
โจทก์ยินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างหักเงินบำเหน็จของโจทก์ไว้บางส่วนเป็นประกันหนี้ของ ส. ตามจำนวนหนี้ที่โจทก์ถูกจำเลยกล่าวหาว่าจะต้องร่วมรับผิดกับ ส. ต่อมาเมื่อความปรากฏว่าโจทก์มิได้ประมาทเลินเล่อและบกพร่องต่อหน้าที่ในอันจะต้องร่วมรับผิดในการกระทำของ ส. ต่อจำเลยแล้ว จำเลยก็ไม่มีสิทธิหักเงินบำเหน็จของโจทก์ต่อไป โจทก์มีสิทธิเรียกคืนได้ แต่การที่จำเลยหักเงินบำเหน็จดังกล่าว ก็โดยความยินยอมของโจทก์ ดังนี้แม้โจทก์จะได้ทวงถามให้จำเลยคืนเงินบำเหน็จที่จำเลยพักไว้และการที่จำเลยไม่จ่ายเงินบำเหน็จคืนให้โจทก์ ก็จะถือว่าจำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดในดอกเบี้ยเงินบำเหน็จที่หักไว้ต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนวนทุนทรัพย์พิพาทเกิน 5 หมื่น: ข้อจำกัดการฎีกาในคดีละเมิดและการโต้เถียงดุลพินิจ
โจทก์ทั้งสองฟ้องฐาน ละเมิดขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ ค่าสินไหมทดแทนรวมกันเป็นเงิน 58,095.50 บาท แต่ จำนวนเงินที่โจทก์ที่ 1 ในฐานะ ผู้รับประกันภัยมีสิทธิเรียกร้องคือ 23,659.50บาท ซึ่ง เป็นเงินที่โจทก์ที่ 1 รับช่วงสิทธิมาจากโจทก์ที่ 2 ส่วนโจทก์ที่ 2 มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนส่วนอื่นที่โจทก์ที่เรียกร้องไม่ได้เป็นจำนวน 34,400 บาท ดังนี้ หนี้ที่โจทก์ทั้งสองเรียกร้องไม่ใช่หนี้ร่วมที่ไม่อาจจะแบ่งแยกได้ ที่โจทก์ทั้งสองแต่ ละคนฟ้องให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดจึงเป็นคดีที่มีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินห้าหมื่นบาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีโจทก์จึงต้องห้าม ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินต่อเนื่องและการฟ้องแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี ไม่ขาดอายุความ
ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ครอบครองตลอดมา การที่จำเลยไปขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทจึงเป็นเพียงการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ได้เข้าไปแย่งการครอบครองที่พิพาท แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยหลังจากจำเลยขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เกินกว่า 1 ปี โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทเลินเล่อทั้งสองฝ่าย: ผู้ขับรถตัดหน้าและผู้ขับรถเร็วเกินไป ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ศาลยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ตัดหน้ารถที่ ว. ขับในระยะกระชั้นชิดในขณะที่ ว. ก็ขับรถผ่านทางร่วมทางแยกมาด้วยความเร็วสูงจนไม่อาจหยุดรถได้ทันเป็นเหตุให้รถ ว. เฉี่ยว ชนรถจำเลยที่ 1เช่นนี้ถือได้ว่า ว. มีส่วนประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดเหตุรถชนกันให้ได้รับความเสียหายไม่ยิ่งหย่อนกว่าจำเลยที่ 1 โจทก์ที่ 1จึงไม่อาจรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าทดแทนกรณีประสบอันตรายจากการทำงาน: การพักผ่อนเพื่อเตรียมทำงานไม่ใช่เวลาปฏิบัติงาน
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของบริษัท ก. ทำหน้าที่ช่างทาสีบริษัท ก. มีคำสั่งให้โจทก์กับคนงานอื่นไปทำงานที่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ให้ทำงานระหว่างเวลา 16-20 นาฬิกา และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2530 เวลาประมาณ 3 นาฬิกา โจทก์ได้พลัดลื่นตกลงมาจากรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์นอนอยู่เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแขนและขาขวาใช้งานไม่ได้ ระยะเวลาที่โจทก์ประสบอันตรายดังกล่าวไม่ใช่ระยะเวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายจ้าง เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะเวลาที่โจทก์ต้องพักผ่อน เพื่อเตรียมปฏิบัติงานตามกำหนดเวลา โจทก์จึงเรียกร้องเอาค่าทดแทนไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประสบอันตรายจากการทำงาน: ระยะเวลาพักผ่อนไม่ใช่ช่วงเวลาทำงาน จึงไม่เข้าข่ายค่าทดแทน
โจทก์ได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้เดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตบแต่งอาคารธนาคารกสิกรไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์ในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น โจทก์ไปถึงเวลากลางคืนจึงได้นอนหลับบนรถยนต์บรรทุกของนายจ้างที่โดยสารไป ไม่ได้เข้าพักกับลูกจ้างคนอื่นในโรงแรมที่นายจ้างจัดไว้ให้ การที่โจทก์พลัดตกจากรถยนต์บรรทุกจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายในคืนนั้นซึ่งเป็นระยะเวลาที่โจทก์ต้อพักผ่อนเพื่อเตรียมปฏิบัติหน้าที่ตามกำหนด ไม่ใช่เวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานตามหน้าที่ จึงหาใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประสบอันตรายจากการทำงาน: ระยะเวลาพักผ่อนไม่ใช่เวลาทำงาน
โจทก์ได้รับคำสั่งจากนายจ้างให้เดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตบแต่งอาคารธนาคาร กสิกรไทย สาขา ประจวบคีรีขันธ์ ในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น โจทก์ไปถึงเวลากลางคืนจึงได้นอนหลับบนรถยนต์บรรทุกของนายจ้างที่โดยสารไป ไม่ได้เข้าพักกับลูกจ้างคนอื่นในโรงแรมที่ นายจ้าง จัดไว้ให้ การที่โจทก์พลัดตกจากรถยนต์บรรทุกจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายในคืนนั้นซึ่งเป็นระยะเวลาที่โจทก์ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมปฏิบัติหน้าที่ตามกำหนด ไม่ใช่เวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานตามหน้าที่ จึงหาใช่เป็นการประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 174/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประสบอันตรายจากการทำงาน: ระยะเวลาปฏิบัติงานต้องสัมพันธ์กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มิได้รวมถึงเวลานอกเหนือการทำงาน
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของบริษัท ก. ทำหน้าที่เป็นช่างทาสีบริษัท ก. มีคำสั่งให้โจทก์กับคนงานอื่นไปทำงานที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในระหว่างเวลา 16-20 นาฬิกา เมื่อเวลาประมาณ3 นาฬิกา ของวันที่ 26 มิถุนายน 2530 โจทก์พลัดตกจากรถยนต์บรรทุกคันที่โจทก์นอนอยู่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแขนและขาขวาใช้งานไม่ได้เวลาที่โจทก์ประสบอันตรายดังกล่าวไม่ใช่ระยะเวลาที่โจทก์ปฏิบัติงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากนายจ้าง เพราะเป็นเวลาที่โจทก์ต้องพักผ่อนเพื่อเตรียมปฏิบัติงานตามกำหนดเวลาโจทก์จึงเรียกร้องเอาค่าทดแทนไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่พบผู้กระทำผิด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย 1,211 ต้นโจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลยแม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5095/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน แม้คดีอาญาไม่ฟังขาด
บันทึกเปรียบเทียบของนายอำเภอมีข้อความว่า "จำเลยเผาป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพาราของโจทก์ ยางพาราเสียหาย1,211 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหาย 250,000 บาท จำเลยยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามจำนวนดังกล่าวภายใน 70 วัน และจำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ถือเป็นข้อตกลงที่โจทก์และจำเลยระงับข้อพิพาทเรื่องไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ซึ่งมีอยู่แล้วให้เสร็จไปจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีผลผูกพันโจทก์และจำเลย แม้ต่อมาจะปรากฏว่าคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอให้รับฟังได้ว่าจำเลยจุดไฟเผาหญ้าโดยประมาทเป็นเหตุให้ไฟไหม้สวนยางพาราของโจทก์ และคดีถึงที่สุดแล้วก็ตามโจทก์จำเลยก็ยังคงต้องผูกพันกันตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น.