พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,313 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไร ถือเป็นรายรับที่ต้องเสียภาษีการค้า แม้จะขายให้บริษัทในเครือ
บริษัทโจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจประเภทบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และยังมีวัตถุประสงค์จัดหาที่ดินมาจำหน่ายแก่ประชาชนโดยตรงตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า มีกฎหมายบัญญัติบังคับห้ามมิให้โจทก์ซื้อหรือมีที่ดินหากซื้อที่ดินมากฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องขายไปในเวลาอันสมควร ดังนั้น เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดในราคา 3,500,000 บาท แล้วหลังจากนั้นเพียง 8 วัน โจทก์ขายไปในราคาถึง 7,000,000 บาท แสดงว่าการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของโจทก์ โจทก์ทราบดีว่าเป็นการซื้อเพื่อขายต่อ และการซื้อเพื่อขายต่อหากไม่ใช่เพื่อทางค้าหรือหากำไร โจทก์ก็คงจะไม่ลงทุนซื้อด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเป็นต้องเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินที่โจทก์รับจำนองไว้จากลูกค้าเพื่อให้ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ราคาสูงคุ้มต้นเงินและดอกเบี้ยและโจทก์ขายให้กับบริษัทในเครือของโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขายของโจทก์เป็นทางค้าหรือหากำไรเข้าลักษณะเป็นรายรับตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร โจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3.5 ของรายรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อหากำไรเข้าข่ายการค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้าตามบัญชีอัตราภาษี
บริษัทโจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจประเภทบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และยังมีวัตถุประสงค์จัดหาที่ดินมาจำหน่ายแก่ประชาชนโดยตรงตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่า มีกฎหมายบัญญัติบังคับห้ามมิให้โจทก์ซื้อหรือมีที่ดินหากซื้อที่ดินมากฎหมายบังคับให้โจทก์ต้องขายไปในเวลาอันสมควร ดังนั้น เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดในราคา3,500,000 บาท แล้วหลังจากนั้นเพียง 8 วัน โจทก์ขายไปในราคาถึง 7,000,000 บาท แสดงว่าการซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของโจทก์ โจทก์ทราบดีว่าเป็นการซื้อเพื่อขายต่อ และการซื้อเพื่อขายต่อหากไม่ใช่เพื่อทางค้าหรือหากำไร โจทก์ก็คงจะไม่ลงทุนซื้อด้วยเงินจำนวนมากเช่นนี้ แม้โจทก์จะอ้างว่าจำเป็นต้องเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินที่โจทก์รับจำนองไว้จากลูกค้าเพื่อให้ราคาที่ดินที่ขายทอดตลาดได้ราคาสูงคุ้มต้นเงินและดอกเบี้ยและโจทก์ขายให้กับบริษัทในเครือของโจทก์ก็ตาม โจทก์ย่อมไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขายของโจทก์เป็นทางค้าหรือหากำไรเข้าลักษณะเป็นรายรับตามประเภทการค้า 11การค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรโจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ 3.5ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2224/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเพื่อขายต่อเข้าข่ายค้าอสังหาริมทรัพย์ ต้องเสียภาษีการค้าตามอัตราที่กำหนด
การที่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนได้ซื้อที่ดินที่ตน รับจำนองไว้จากลูกค้าจากการขายทอดตลาดในราคา 3,500,000 บาท โดยทราบดีว่าต้องขายต่อ และหลังจากนั้นเพียง 8 วันโจทก์ได้ขายต่อให้บริษัทในเครือในราคาถึง 7,000,000 บาท ถือได้ว่าโจทก์ขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไร เข้าลักษณะเป็นการประกอบการค้าตามประเภทการค้า 11 การค้าอสังหาริมทรัพย์ แห่งบัญชีอัตราภาษีการค้าตามป.รัษฎากร โจทก์จึงต้องนำรายรับมาเสียภาษีการค้าในอัตราร้อยละ3.5 ของรายรับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการบันดาลโทสะ: การแทงที่ช่องท้องโดยเล็งเป้าอวัยวะสำคัญถือเป็นเจตนาฆ่า ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ 17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าและการไม่เข้าข้อยกเว้นบันดาลโทสะ กรณีแทงผู้ตายที่ช่องท้อง
ผู้ตายถูกแทงที่ใต้ลิ้นปี่ ค่อนมาด้านซ้าย ลักษณะบาดแผลเป็นรูปสามเหลี่ยมฐานโค้ง ด้านสามเหลี่ยมยาว 2.5 เซนติเมตร ด้านฐานโค้งยาว 1.5 เซนติเมตร ลึกเข้าช่องท้องผ่านเข้าตับตัดเส้นเลือดใหญ่ ความลึกของแผลจากผิวหนังถึงส่วนบนของตับ17 เซนติเมตร แสดงว่าลักษณะของมีดที่ใช้แทงผู้ตายเป็นมีดขนาดใหญ่ ทั้งตั้งใจแทงโดยแรง แม้เป็นการแทงเพียงครั้งเดียวแต่ตำแหน่งบาดแผลคือที่ช่องท้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยเลือกแทงส่วนที่เป็นอวัยวะสำคัญและผู้ตายถึงแก่ความตายในคืนเกิดเหตุนั้นเอง เช่นนี้ถือว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
จำเลยสมัครใจแต่แรกที่จะทำร้ายผู้ตาย มิได้ถูกฝ่ายผู้ตายกระทำการเย้ยหยันสบประมาทแต่อย่างใด กรณีจึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1967/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดความรับผิดในสัญญาขนส่งทางทะเล: การยอมรับเงื่อนไขและขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ
จำเลยฎีกาว่า ผู้ส่งได้ยอมตกลงรับรู้ข้อกำหนดต่าง ๆ รวมทั้งข้อจำกัดความรับผิดในใบตราส่ง อันโยงไปถึงจำนวนอัตราค่าทดแทนที่กำหนดไว้ในมาตรา 4(5) ของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งสินค้าทางทะเล ค.ศ.1936 ของประเทศสหรัฐอเมริกา (คือไม่เกิน 500เหรียญสหรัฐต่อ 1 หีบห่อ) ข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจึงไม่เป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. ความข้อนี้จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นข้อพิพาทไว้โดยจำเลยให้การเพียงว่า ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งประเภทธรรมดามีเพียงไม่เกิน 500 เหรียญสหรัฐหรือ11,500 บาทต่อ 1 หีบห่อ ซึ่งได้ระบุไว้โดยชัดแจ้งอยู่ในหน้าหลังของใบตราส่ง และผู้ส่งสินค้ารายพิพาทในคดีนี้ก็ได้ยอมรับและรับรู้เงื่อนไขข้อตกลงดังกล่าวแล้วด้วย ไม่มีข้อความตอนใดในคำให้การของจำเลยอ้างถึงข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งที่ระบุไว้ในหน้าหลังของใบตราส่งว่าให้ใช้กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกาดังจำเลยฎีกา ฎีกาของจำเลยจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 เมื่อเป็นดังนี้ปัญหาที่ว่าข้อจำกัดความรับผิดของผู้ขนส่งที่ระบุไว้ในหน้าหลังของใบตราส่งว่าให้ใช้กฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา จำขัดกับป.พ.พ. มาตรา 625 และจะเป็นการใช้กฎหมายต่างประเทศมาบังคับแก่คดีนี้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย (ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหมิ่นประมาท: การรู้ตัวผู้กระทำผิดจากข่าวหนังสือพิมพ์ถือเป็นการเริ่มต้นนับอายุความ
หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โดยมีข้อความซึ่งอ่านแล้วรู้ได้ทันทีว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ ถือได้แล้วว่าโจทก์รู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันที่โจทก์ได้อ่านข่าวตามหนังสือพิมพ์นั้น ไม่จำต้องรอแสวงหาหลักฐานเพื่อฟ้องคดีหรือสืบสวนจนเป็นที่แน่ใจโจทก์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดก่อนจึงจะร้องทุกข์ดำเนินคดี เมื่อโจทก์ไม่ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนคดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96
เมื่อศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความก็พิพากษายกฟ้องได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน.
เมื่อศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความก็พิพากษายกฟ้องได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1954/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหมิ่นประมาท เริ่มนับแต่วันที่โจทก์รู้ตัวผู้กระทำผิด ไม่จำเป็นต้องรอสืบสวน
หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โดยมีข้อความซึ่งอ่านแล้วรู้ได้ทันทีว่าจำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ ถือได้แล้วว่า โจทก์รู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันที่โจทก์ได้อ่านข่าวตามหนังสือพิมพ์นั้น ไม่จำต้องรอแสวงหาหลักฐานเพื่อฟ้องคดีหรือสืบสวนจนเป็นที่แน่ใจโจทก์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดก่อนจึงจะร้องทุกข์ดำเนินคดี เมื่อโจทก์ไม่ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96
เมื่อศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความก็พิพากษายกฟ้องได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน
เมื่อศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วเห็นว่าคดีขาดอายุความก็พิพากษายกฟ้องได้โดยไม่จำต้องทำการไต่สวนมูลฟ้องก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของร้านตัดผมทราบเห็นการพนันในร้าน ย่อมไม่มีสิทธิขอคืนเครื่องรับโทรทัศน์ที่ใช้ในการพนัน
เหตุเกิดในร้านตัดผมของผู้ร้อง ผู้ร้องเปิดเครื่องรับโทรทัศน์ให้คนในร้านและนอกร้านดูรายการถ่ายทอดการชกมวยซึ่งมีการเล่นพนันกันด้วยและผู้ร้องก็ทราบดี จำเลย 4 คนซึ่งพนันการชกมวยถูกจับและศาลพิพากษาลงโทษกับให้ริบเครื่องรับโทรทัศน์นั้นซึ่งถูกยึดเป็นของกลางเมื่อฟังได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการเล่นพนันดังกล่าว ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งคืนเครื่องรับโทรทัศน์แก่ผู้ร้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองซ้อน: การขายทอดตลาดปลอดจำนองมีผลถึงผู้รับจำนองรายหลัง
ทรัพย์ที่มีการจำนองสองราย เมื่อผู้รับจำนองรายแรกขอให้ศาลขายทอดตลาดทรัพย์อย่างปลอดจำนองแล้ว ก็เป็นการปลอดจำนองตลอดไปถึงผู้รับจำนองรายหลังด้วย ผู้รับจำนองรายหลังจะขอให้ขายทอดตลาดไปโดยคงคิดจำนองของตนแย้งกับผู้รับจำนองรายแรกไม่ได้ เพราะเป็นการบังคับตามสิทธิของตนเป็นที่เสียหายแก่ผู้รับจำนองคนก่อน.