พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,313 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3773/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้จากการเหมาค่าแรงก่อสร้างและประเด็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนเกินกำหนด
ในการก่อสร้างตึกแถวโจทก์เป็นผู้จัดหาและซื้อวัสดุก่อสร้างเอง ส่วนแรงงานเหมาจ่ายให้ผู้รับเหมาจัดหาคนงานมาทำการก่อสร้างโดยผู้รับเหมาจ่ายค่าแรงงานให้แก่คนงานเองหากงานล่าช้าต้องจ้างคนงานเพิ่มขึ้น โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ ดังนี้ เงินได้ที่จ่ายให้แก่ผู้รับเหมาจึงมิใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40(1)แห่งประมวลรัษฎากร หากแต่เป็นเงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์ตามมาตรา 40(8) โจทก์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา 50 52 แห่งประมวลรัษฎากร การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายในกรณีนี้จึงไม่ชอบ
โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2521เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกลงวันที่ 27 มีนาคม 2527 เรียกโจทก์มาไต่สวน โจทก์ได้รับหมายเรียกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2527 จึงเป็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ยื่นรายการเสียภาษี ถูกต้องตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
หมายเรียกเพื่อการตรวจสอบไต่สวนกำหนดให้โจทก์มาให้ถ้อยคำและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เวลาโจทก์น้อยกว่า 7 วันตามที่ระบุไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 โจทก์มีสิทธิไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกนั้น และเจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีตามลำพังโดยอ้างว่าโจทก์ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่โต้แย้ง การออกหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินจึงชอบแล้ว
โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2521เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกลงวันที่ 27 มีนาคม 2527 เรียกโจทก์มาไต่สวน โจทก์ได้รับหมายเรียกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2527 จึงเป็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ยื่นรายการเสียภาษี ถูกต้องตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว
หมายเรียกเพื่อการตรวจสอบไต่สวนกำหนดให้โจทก์มาให้ถ้อยคำและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เวลาโจทก์น้อยกว่า 7 วันตามที่ระบุไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 โจทก์มีสิทธิไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกนั้น และเจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีตามลำพังโดยอ้างว่าโจทก์ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่โต้แย้ง การออกหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3773/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีการค้า กรณีการก่อสร้างและขายอสังหาริมทรัพย์ การหักค่าใช้จ่าย และการตรวจสอบไต่สวนเกินกำหนด
ในการก่อสร้างตึกแถวโจทก์เป็นผู้จัดหาและซื้อวัสดุก่อสร้างเองส่วนแรงงานเหมาจ่ายให้ผู้รับเหมาจัดหาคนงานมาทำการก่อสร้างโดยผู้รับเหมาจ่ายค่าแรงงานให้แก่คนงานเอง หากงานล่าช้าต้องจ้างคนงานเพิ่มขึ้น โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ ดังนี้เงินได้ที่จ่ายให้แก่ผู้รับเหมาจึงมิใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40(1)แห่งประมวลรัษฎากร หากแต่เป็นเงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์ตามมาตรา 40(8) โจทก์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา 50,52 แห่งประมวลรัษฎากร การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายในกรณีนี้จึงไม่ชอบ โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2521เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกลงวันที่ 27 มีนาคม 2527 เรียกโจทก์มาไต่สวน โจทก์ได้รับหมายเรียกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2527 จึงเป็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ยื่นรายการเสียภาษีถูกต้องตามมาตรา 19 แล้ว แม้ตามหมายเรียกเพื่อการตรวจสอบไต่สวนกำหนดให้โจทก์มาให้ถ้อยคำและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เวลาโจทก์น้อยกว่า 7 วัน และเจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีตามลำพัง โดยอ้างว่าโจทก์ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่โต้แย้ง การออกหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3773/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีเงินได้จากการเหมาค่าแรงก่อสร้าง และการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนเกินกำหนด
ในการก่อสร้างตึกแถวโจทก์เป็นผู้จัดหาและซื้อวัสดุก่อสร้างเองส่วนแรงงานเหมาจ่ายให้ผู้รับเหมาจัดหาคนงานมาทำการก่อสร้างโดยผู้รับเหมาจ่ายค่าแรงงานให้แก่คนงานเองหากงานล่าช้าต้องจ้างคนงานเพิ่มขึ้น โจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ ดังนี้ เงินได้ที่จ่ายให้แก่ผู้รับเหมาจึงมิใช่เงินได้จากการจ้างแรงงาน ตามมาตรา 40(1)แห่งประมวลรัษฎากร หากแต่เป็นเงินได้จากธุรกิจการพาณิชย์ตามมาตรา 40(8) โจทก์จึงไม่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งตามมาตรา 5052 แห่งประมวลรัษฎากร การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายในกรณีนี้จึงไม่ชอบ โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2521เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2522 เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกลงวันที่ 27 มีนาคม 2527 เรียกโจทก์มาไต่สวน โจทก์ได้รับหมายเรียกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2527 จึงเป็นการออกหมายเรียกตรวจสอบไต่สวนภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ยื่นรายการเสียภาษี ถูกต้องตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว หมายเรียกเพื่อการตรวจสอบไต่สวนกำหนดให้โจทก์มาให้ถ้อยคำและนำพยานหลักฐานมาแสดงให้เวลาโจทก์น้อยกว่า 7 วันตามที่ระบุไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 19 โจทก์มีสิทธิไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกนั้น และเจ้าพนักงานประเมินจะประเมินภาษีตามลำพังโดยอ้างว่าโจทก์ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ปฏิบัติตามหมายเรียกโดยไม่โต้แย้ง การออกหมายเรียกของเจ้าพนักงานประเมินจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3765/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่และการสิ้นสุดสัญญาเช่าช่วง การฟ้องโดยอาศัยมูลเหตุจากสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์ยังคงมีอำนาจแม้สัญญาหลักสิ้นสุด
เมื่อจำเลยประพฤติหรือปฏิบัติผิดสัญญาอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยโดยอาศัยมูลเหตุตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าสัญญาเช่าอาคารพิพาทที่โจทก์ทำไว้กับกระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของอาคารพิพาทจะสิ้นสุดแล้วหรือไม่ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 และเมื่อสัญญาเช่าช่วงครบกำหนด โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าช่วงโดยชอบแล้ว จำเลยจึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอยู่ในอาคารพิพาทได้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3765/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่หลังสัญญาเช่าสิ้นสุด: ฟ้องได้โดยอาศัยสัญญากับจำเลย แม้สัญญาหลักจะสิ้นสุดแล้ว
เมื่อจำเลยประพฤติหรือปฏิบัติผิดสัญญาอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยโดยอาศัยมูลเหตุตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าสัญญาเช่าอาคารพิพาทที่โจทก์ทำไว้กับกระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของอาคารพิพาทจะสิ้นสุดแล้วหรือไม่โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และเมื่อสัญญาเช่าช่วงครบกำหนด โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าช่วงโดยชอบแล้วจำเลยจึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอยู่ในอาคารพิพาทได้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3765/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีขับไล่และการสิ้นสุดสัญญาเช่าช่วง การฟ้องคดีโดยอาศัยมูลเหตุจากสัญญาระหว่างจำเลยกับโจทก์
เมื่อจำเลยประพฤติหรือปฏิบัติผิดสัญญาอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยโดยอาศัยมูลเหตุตามสัญญาที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ได้ โดยไม่ต้องคำนึงว่าสัญญาเช่าอาคารพิพาทที่โจทก์ทำไว้กับกระทรวงการคลังซึ่งเป็นเจ้าของอาคารพิพาทจะสิ้นสุดแล้วหรือไม่โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 และเมื่อสัญญาเช่าช่วงครบกำหนด โจทก์ได้บอกเลิกการเช่าช่วงโดยชอบแล้วจำเลยจึงไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอยู่ในอาคารพิพาทได้ต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3761/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินอากรขาเข้าผิดพลาดจากความคลาดเคลื่อนในการแปลและสินค้าที่ส่งมอบไม่ตรงตามสั่งซื้อ ศาลฎีกาแก้ไขดอกเบี้ยตามคำฟ้อง
โจทก์สำแดงรายการสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นภาษาไทยว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าคืออุปกรณ์ของปากกา ยี่ห้อ เรโนลด์ ชนิด 094 ความจริงสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือปากกาลูกลื่น ยี่ห้อเรโนลด์ ชนิด 093 เมื่อปรากฏว่าเหตุที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์ของปากกาเป็นเพราะผู้ทำใบขนแปลเป็นภาษาไทยผิดพลาด และที่เป็นปากกาลูกลื่นชนิด 093 เพราะผู้ขายส่งมาให้ผิดไปจากที่โจทก์สั่งซื้อ ดังนี้ เมื่อปากกาทั้งสองชนิดมีราคาเท่ากัน การที่ผู้ขายส่งปากกาชนิด 093 มาให้ก็ไม่ทำให้อากรขาเข้าเปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยประเมินให้โจทก์ชำระอากรขาเข้าเพิ่มขึ้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องคือวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2529 จึงเป็นการพิพากษาให้จำเลยชำระเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องคือวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2529 จึงเป็นการพิพากษาให้จำเลยชำระเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3761/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินอากรผิดพลาดจากความคลาดเคลื่อนในการแปลเอกสารและการส่งสินค้าผิดชนิด ศาลฎีกาแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามคำฟ้อง
โจทก์สำแดงรายการสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นภาษาไทยว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าคืออุปกรณ์ของปากกา ยี่ห้อ เรโนลด์ ชนิด 094 ความจริงสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือปากกาลูกลื่น ยี่ห้อเรโนลด์ ชนิด 093 เมื่อปรากฏว่าเหตุที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์ของปากกาเป็นเพราะผู้ทำใบขนแปลเป็นภาษาไทยผิดพลาด และที่เป็นปากกาลูกลื่นชนิด 093 เพราะผู้ขายส่งมาให้ผิดไปจากที่โจทก์สั่งซื้อ ดังนี้ เมื่อปากกาทั้งสองชนิดมีราคาเท่ากัน การที่ผู้ขายส่งปากกาชนิด 093 มาให้ก็ไม่ทำให้อากรขาเข้าเปลี่ยนแปลงไป การที่จำเลยประเมินให้โจทก์ชำระอากรขาเข้าเพิ่มขึ้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องคือวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2529 จึงเป็นการพิพากษาให้จำเลยชำระเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3761/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินอากรขาเข้าผิดพลาดจากความคลาดเคลื่อนในการระบุชนิดสินค้า แม้สินค้าไม่ตรงตามที่สั่งซื้อแต่ราคาเท่ากัน อากรไม่เปลี่ยนแปลง
โจทก์สำแดงรายการสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นภาษาไทยว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้าคืออุปกรณ์ของปากกายี่ห้อเรโนลด์ชนิด 094 ความจริงสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือปากกาลูกลื่นยี่ห้อเรโนลด์ชนิด 093 เหตุที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์ของปากกาเป็นเพราะผู้ทำใบขนแปลเป็นภาษาไทยผิดพลาด และที่ปากกาลูกลื่นชนิด 093มิใช่ปากกาลูกลื่นชนิด 094 เป็นเพราะผู้ขายส่งมาให้ผิดจากที่โจทก์สั่งซื้อ ดังนี้ แม้จะเป็นสินค้าคนละชนิดกับที่โจทก์สั่งซื้อแต่เมื่อปากกาทั้งสองชนิดมีราคาเท่ากัน การที่ผู้ขายส่งปากกาชนิด 093 มาให้ก็ไม่ทำให้อากรขาเข้าเปลี่ยนแปลงไปที่จำเลยประเมินให้โจทก์ชำระอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำฟ้องของโจทก์ขอให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง คือวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 การที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนอากรขาเข้าพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2529จึงเป็นการพิพากษาให้จำเลยชำระเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อและการพิสูจน์ความรับผิด: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากการกระทำของผู้เสียหายเป็นเหตุโดยตรง
จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้างพา น. กับพวกจากประตูน้ำจะไปสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ น. ขอลงขณะเมื่อจำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถที่ 1 และที่ 2 น.เข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ตามหลังมาล้มลงได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของ น. ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้