คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ รอดเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 718 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานละเว้นการจับกุม โดยอ้างว่าผู้ต้องหาเป็นสายลับเพื่อรวบรวมหลักฐานการพนัน ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 200
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจปล่อยตัวนาย ข. ที่เข้าไปคว้าเงินของผู้เสียหายภายในร้าน โดยไม่ส่งตัวไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพราะจำเลยเห็นว่า นาย ข. เป็นสายลับตำรวจเข้าไปยึดเงินดังกล่าวเพื่อเป็นหลักฐานในการเล่นการพนันนั้น เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าใจและใช้ดุลพินิจว่านาย ข. ไม่ได้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาจะช่วยเหลือนาย ข. มิให้ต้องรับโทษ ยังไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีล้มละลาย: จำนวนหนี้ต่ำกว่าสองหมื่นบาท และการโต้แย้งดุลพินิจศาล
กรณีที่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่มีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153 การอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยถึงแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2677/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีล้มละลาย: จำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท และการโต้แย้งดุลพินิจศาลชั้นต้น
กรณีที่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายยื่นคำขอรับชำระหนี้ที่มีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153 การอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยถึงแม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 153.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงซื้อขายคืนหลังไถ่ทรัพย์หลุด: คำมั่นจะขาย มิใช่ขยายเวลาไถ่
ข้อตกลงที่ผู้รับซื้อฝากยินยอมที่จะขายทรัพย์คืนให้แก่ ผู้ขายฝากเมื่อทรัพย์ที่ขายฝากได้หลุดเป็นสิทธิของ ผู้รับซื้อฝากแล้ว เข้าลักษณะเป็นคำมั่นจะขายทรัพย์ซึ่ง บังคับกันได้ มิใช่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์อันต้องห้าม ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงขายคืนหลังหลุดจำนอง: คำมั่นจะขาย มิใช่ขยายเวลาไถ่ทรัพย์
ข้อตกลงที่ผู้รับซื้อฝากยินยอมที่จะขายทรัพย์คืนให้แก่ผู้ขายฝากเมื่อทรัพย์ที่ขายฝากได้หลุดเป็นสิทธิของผู้รับซื้อฝากแล้ว เข้าลักษณะเป็นคำมั่นจะขายทรัพย์ซึ่งบังคับกันได้ มิใช่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์อันต้องห้ามตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝากครบกำหนดแล้ว ตกลงให้ไถ่ได้ภายหลัง: ไม่ใช่การขยายเวลาไถ่ แต่เป็นคำมั่นจะขาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขายฝากที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินให้โจทก์ กำหนดไถ่ภายในหนึ่งปี ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไถ่ขอให้บังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว จำเลยรับว่าขายฝากที่ดินและบ้านแก่โจทก์และครบกำหนดไถ่แล้วจริงแต่โจทก์ยินยอมให้จำเลยไถ่ที่ดินและบ้านได้ในภายหลัง จำเลยกำลังจะหาเงินมาไถ่ ดังนี้หากได้ความจริงตามคำให้การของจำเลย ข้อตกลงดังกล่าวอาจเข้าลักษณะเป็นคำมั่นจะขายทรัพย์ซึ่งบังคับกันได้ มิใช่เป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์อันต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 496 ศาลชั้นต้นควรสืบพยานฟังข้อเท็จจริงต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์ยินยอม ศาลลงโทษตามมาตรา 319 ได้
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี สมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีภริยาอยู่แล้วไม่คิดจะอยู่กินฉันสามีภริยากับผู้เสียหายอย่างจริงจังจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 319
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วยหรือไม่เต็มใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมของผู้เยาว์ในความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย ก็ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย
ผู้เสียหายอายุ 15 ปี สมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่ 1 และยินยอมร่วมประเวณีกับจำเลยที่ 1 โดยสมัครใจ จำเลยไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 มีภริยาอยู่แล้วไม่คิดจะอยู่กินฉัน สามีภริยากับผู้เสียหายอย่างจริงจัง จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็ม ใจไปด้วย ตาม ป.อ. มาตรา 319 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 318 โดยอ้างว่าผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วย แต่การที่จำเลยพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารจะโดยลักษณะที่ผู้เยาว์เต็ม ใจไปด้วยหรือไม่เต็ม ใจไปด้วย ป.อ. ก็บัญญัติเป็นความผิดอยู่แล้ว ศาลย่อมลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม ป.อ. มาตรา 319 ซึ่งมีโทษเบากว่าได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกร้องเงินทดรองซื้อหุ้น: ตัวแทน-ตัวการ, อายุความ 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164
จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งโจทก์ได้ออกเงินทดรองไปตามที่จำเลยสั่งซื้อจึงเป็นเรื่องตัวแทนเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปในกิจการอันตัวการมอบหมายแก่ตน จากตัวการตาม ป.พ.พ. มาตรา 816 ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกร้องเงินทดรองซื้อหุ้น: ตัวแทน vs. ตัวการ, ใช้ พ.ร.บ.แพ่งฯ มาตรา 164
จำเลยตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินค่าหุ้นซึ่งโจทก์ได้ออกเงินทดรองไปตามที่จำเลยสั่งซื้อจึงเป็นเรื่องตัวแทนเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปในกิจการอันตัวการมอบหมายแก่ตนจากตัวการตาม ป.พ.พ. มาตรา 816 ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น จึงต้องใช้อายุความ10 ปี ตาม พ.พ.พ. มาตรา 164.
of 72