คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ รอดเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 718 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานประกอบกัน แม้มีประจักษ์พยานเพียงคนเดียว เพื่อพิสูจน์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่เมื่อพิจารณาประกอบพยานหลักฐานทั้งหมดในท้องสำนวนแล้วก็ใช้รับฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบการรับฟังคำให้การผู้เสียหาย การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดในคดีปล้นทรัพย์
แม้โจทก์จะมีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่เมื่อพิจารณาประกอบพยานหลักฐานทั้งหมดในท้องสำนวนแล้วก็ใช้รับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืน: การพิจารณาความต่อเนื่องของการกระทำผิดและกรรมเดียว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรม จำเลยให้การรับสารภาพ โดยที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามฟ้องข้อ 1 ก. ก็ดี ตามฟ้องข้อ 2 ก็ดี ล้วนเป็นข้อหาฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองได้ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 78 บทมาตราเดียวกัน วันเวลาที่กล่าวหาตามฟ้องข้อ 1 ก. คือวันที่ 18 สิงหาคม 2526 ตามฟ้องข้อ 2 คือวันที่ 17 สิงหาคม 2526 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2526 เวลากลางวันติดต่อกัน ซึ่งเป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดเวลาที่ยังครอบครองอยู่เรื่อยมา จะถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 17 กรรมหนึ่ง และกระทำผิดในวันที่ 18 อีกกรรมหนึ่งหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 18 วันเดียวกันนั่นเอง โดยเฉพาะจำเลยถูกจับในคราวเดียวกัน ในคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 และในฟ้องของโจทก์ก็ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่าตำรวจตรวจค้นจับกุมยึดเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องข้อ1 ก. และข้อ 2 ได้ในวันที่ 18 สิงหาคม 2526 วันเดียวกัน จึงต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาให้เกิดผลเป็นกรรมเดียวกัน ลักษณะของการกระทำก็อย่างเดียวกันผิดกฎหมายบทเดียวกัน และในวันเวลาเดียวกันด้วย แม้สถานที่ที่จำเลยซุกซ่อนเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้จะอยู่ต่างตำบลกันบ้างก็หาทำให้มีผลแตกต่างกันไปไม่ในเมื่อจำเลยได้มีเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้ในครอบครองโดยเจตนากระทำผิดกฎหมายบทเดียวกันในคราวเดียวกันนั่นเอง จึงต้องถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวฐานมีเครื่องกระสุนปืน แม้ซุกซ่อนต่างตำบล-เวลาต่อเนื่อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเครื่องกระสุนปืนฯไว้ในครอบครองเมื่อวันที่18สิงหาคม2526เวลากลางคืนตอนหนึ่งเมื่อวันที่17สิงหาคม2526เวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงวันที่18สิงหาคม2526เวลากลางวันติดต่อกันอีกตอนหนึ่งและเจ้าพนักงานตำรวจยึดเครื่องกระสุนปืนได้ในวันที่18สิงหาคม2526วันเดียวกันถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาให้เกิดผลเป็นกรรมเดียวกันแม้สถานที่ที่จำเลยซุกซ่อนเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้จะอยู่ต่างตำบลกันก็ไม่ทำให้มีผลแตกต่างกันไปถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 400/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืน: การพิจารณาความต่อเนื่องของกรรมและการกระทำในวันเดียวกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมจำเลยให้การรับสารภาพโดยที่ข้อหาที่โจทก์ฟ้องจำเลยตามฟ้องข้อ1ก.ก็ดีตามฟ้องข้อ2ก็ดีล้วนเป็นข้อหาฐานมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองได้ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา78บทมาตราเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาตามฟ้องข้อ1ก.คือวันที่18สิงหาคม2526ตามฟ้องข้อ2คือวันที่17สิงหาคม2526เวลากลางคืนก่อนเที่ยงถึงวันที่18สิงหาคม2526เวลากลางวันติดต่อกันซึ่งเป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดเวลาที่ยังครอบครองอยู่เรื่อยมาจะถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่17กรรมหนึ่งและกระทำผิดในวันที่18อีกกรรมหนึ่งหาได้ไม่ต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่18วันเดียวกันนั่นเองโดยเฉพาะจำเลยถูกจับในคราวเดียวกันในคำร้องขอฝากขังครั้งที่1และในฟ้องของโจทก์ก็ได้กล่าวไว้ชัดเจนว่าตำรวจตรวจค้นจับกุมยึดเครื่องกระสุนปืนตามฟ้องข้อ1ก.และข้อ2ได้ในวันที่18สิงหาคม2526วันเดียวกันจึงต้องถือว่าจำเลยกระทำผิดในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาให้เกิดผลเป็นกรรมเดียวกันลักษณะของการกระทำก็อย่างเดียวกันผิดกฎหมายบทเดียวกันและในวันเวลาเดียวกันด้วยแม้สถานที่ที่จำเลยซุกซ่อนเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้จะอยู่ต่างตำบลกันบ้างก็หาทำให้มีผลแตกต่างกันไปไม่ในเมื่อจำเลยได้มีเครื่องกระสุนปืนเหล่านั้นไว้ในครอบครองโดยเจตนากระทำผิดกฎหมายบทเดียวกันในคราวเดียวกันนั่นเองจึงต้องถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาคดีก่อน, พยานหลักฐาน, การลงโทษจำเลย, การรับฟังพยาน, ดุลพินิจศาล
คดีอาญาข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีก่อนเป็นประการใดมีผลผูกมัดคู่ความในคดีนั้นเท่านั้นแม้โจทก์จะอ้างสำนวนคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาของศาลในคดีนี้ได้ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีอาญาคดีก่อนย่อมมีผลผูกมัดคู่ความในคดีนั้นเท่านั้นแม้โจทก์อาจอ้างสำนวนคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาคดีอาญาเรื่องหลังได้ก็เป็นเพียงพยานความเห็นหรือพยานบอกเล่าเท่านั้นศาลจะอาศัยแต่ลำพังคำวินิจฉัยในคดีเรื่องก่อนมารับฟังเป็นหลักฐานเพื่อใช้ลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน การฟ้องเคลือบคลุม และการวินิจฉัยข้อเท็จจริง ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาเองได้
แม้ฟ้องโจทก์จะใช้ถ้อยคำว่าจำเลยร่วมกันสมคบกันจ้างวานและใช้กันตลอดจนยุยงส่งเสริมกันกระทำความผิดอาญาต่อโจทก์แต่เมื่ออ่านฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นว่าโจทก์มีเจตนาที่จะฟ้องจำเลยในฐานเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดต่อโจทก์ดังนี้ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม. ข้อเท็จจริงที่ศาลฟังเป็นยุติในคดีก่อนย่อมมีผลผูกมัดคู่ความคดีนั้นเท่านั้นโจทก์อาจอ้างสำนวนในคดีเรื่องก่อนมาประกอบการพิจารณาคดีนี้ได้แต่ในฐานะเป็นเพียงพยานความเห็นหรือพยานบอกเล่าเท่านั้นเมื่อศาลไม่พิจารณาถึงพยานหลักฐานในสำนวนคดีนี้ว่ารับฟังให้เชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้วจะอาศัยแต่ลำพังคำวินิจฉัยในคดีเรื่องก่อนมารับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อใช้ลงโทษจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบแม้คดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงเมื่อปรากฏว่าการรับฟังพยานไม่ถูกต้องอันเป็นปัญหาข้อกฎหมายศาลฎีกาก็วินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนไปได้เลยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตภาษีการค้าคลังสินค้า vs. ค่าขนส่ง และหน้าที่หักภาษีเงินได้ของลูกจ้าง
ตามประมวลรัษฎากรไม่ได้บัญญัติว่ารายรับจากการค้าประเภทคลังสินค้าหมายถึงอะไรจึงต้องถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา770และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา770,771นายคลังสินค้าคือผู้รับทำการเก็บรักษาสินค้าเท่านั้นกฎหมายหาได้กำหนดให้นายคลังสินค้าต้องมีหน้าที่ขนสินค้ามาเข้าหรือออกจากคลังสินค้าของตนด้วยไม่ฉะนั้นรายรับจากการประกอบการคลังสินค้าก็คือค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือค่ารับฝากสินค้าเท่านั้นหารวมถึงค่าขนส่งไม่การที่โจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้าได้ออกทดรองจ่ายค่าจ้างขนสินค้าให้แก่ผู้รับขนแทนผู้ฝากสินค้าไปนั้นเงินทดรองจ่ายค่าขนสินค้าของผู้ฝากนี้เป็นรายรับของผู้รับขนซึ่งผู้ฝากสินค้ามีหน้าที่ต้องจ่ายตามสัญญาหาใช่รายรับของโจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้าโจทก์จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีการค้าในเงินค่ารับขนที่ได้ทดรองจ่ายแทนผู้ฝากไป. โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างต้องหักภาษีเงินได้ของลูกจ้างไว้จากเงินได้ของลูกจ้างตามประมวลรัษฎากรมาตรา50เมื่อโจทก์ไม่หักภาษีไว้โจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างตามประมวลรัษฎากรมาตรา54.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตภาษีการค้าคลังสินค้า vs. ขนส่ง และหน้าที่หักภาษีเงินได้ของลูกจ้าง
ตามป.รัษฎากรไม่ได้บัญญัติว่ารายรับจากการค้าประเภทคลังสินค้าหมายถึงอะไรจึงต้องถือตามป.พ.พ.มาตรา770และ771นายคลังสินค้าคือผู้รับทำการเก็บรักษาสินค้าเท่านั้นกฎหมายหาได้กำหนดให้นายคลังสินค้าต้องมีหน้าที่ขนสินค้ามาเข้าหรือออกจากคลังสินค้าของตนด้วยไม่ฉะนั้นรายรับจากการประกอบการคลังสินค้าก็คือค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือค่ารับฝากสินค้าเท่านั้นหารวมถึงค่าขนส่งไม่การที่โจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้าได้ออกทดรองจ่ายค่าจ้างขนสินค้าให้แก่ผู้รับขนแทนผู้ฝากสินค้าไปนั้นเงินทดรองจ่ายค่าขนสินค้าของผู้ฝากนี้เป็นรายรับของผู้รับขนซึ่งผู้ฝากสินค้ามีหน้าที่ต้องจ่ายตามสัญญาหาใช่รายรับของโจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้าโจทก์จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีการค้าในเงินค่ารับขนที่ได้ทดรองจ่ายแทนผู้ฝากไป โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างต้องหักภาษีเงินได้ของลูกจ้างไว้จากเงินได้ของลูกจ้างตามป.รัษฎากรมาตรา50เมื่อโจทก์ไม่หักภาษีไว้โจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างตามมาตรา54.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตภาษีการค้าคลังสินค้า vs. ขนส่ง และหน้าที่หักภาษีเงินได้ของลูกจ้าง
ตามประมวลรัษฎากรไม่ได้บัญญัติว่ารายรับจากการค้าประเภทคลังสินค้าหมายถึงอะไร จึงต้องถือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 770 และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 770, 771 นายคลังสินค้าคือผู้รับทำการเก็บรักษาสินค้าเท่านั้น กฎหมายหาได้กำหนดให้นายคลังสินค้าต้องมีหน้าที่ขนสินค้ามาเข้าหรือออกจากคลังสินค้าของตนด้วยไม่ ฉะนั้นรายรับจากการประกอบการคลังสินค้าก็คือค่าบำเหน็จในการเก็บรักษาสินค้าหรือค่ารับฝากสินค้าเท่านั้น หารวมถึงค่าขนส่งไม่การที่โจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้าได้ออกทดรองจ่ายค่าจ้างขนสินค้าให้แก่ผู้รับขนแทนผู้ฝากสินค้าไปนั้น เงินทดรองจ่ายค่าขนสินค้าของผู้ฝากนี้ เป็นรายรับของผู้รับขนซึ่งผู้ฝากสินค้ามีหน้าที่ต้องจ่ายตามสัญญา หาใช่รายรับของโจทก์ซึ่งเป็นนายคลังสินค้า โจทก์จึงไม่มีหน้าที่เสียภาษีการค้าในเงินค่ารับขนที่ได้ทดรองจ่ายแทนผู้ฝากไป
โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างต้องหักภาษีเงินได้ของลูกจ้างไว้จากเงินได้ของลูกจ้างตามประมวลรัษฎากร มาตรา 50 เมื่อโจทก์ไม่หักภาษีไว้โจทก์มีหน้าที่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างตามประมวลรัษฎากร มาตรา 54
of 72