คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สวัสดิ์ รอดเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 718 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยเจตนาทุจริต – ผู้ทรงเช็คไม่ชอบ – ความผิด พ.ร.บ. เช็ค
ท. กับจำเลยเข้าหุ้นกันค้าขาย เช็คพิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วน ซึ่ง ท. ทราบยอดเงินในบัญชีดี และ ท. รับเช็คไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าขณะที่ จำเลยออกเช็คให้นั้นเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ท. กับโจทก์สมคบกัน สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินและ นำเช็คมาฟ้องคดี โดย ท. มิได้เป็นหนี้โจทก์และโจทก์ทราบความเป็นมา ของเช็คพิพาทดังกล่าวโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยย่อมไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3970/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คโดยรู้ว่าไม่มีเงินในบัญชี และการสมคบกันเพื่อฟ้องคดีโดยมิชอบ ผู้ทรงเช็คไม่ชอบ
ท.กับจำเลยเข้าหุ้นกันค้าขาย เช็คพิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วน ซึ่ง ท.ทราบยอดเงินในบัญชีดีและท.รับเช็คไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าขณะที่ จำเลยออกเช็คให้นั้นเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย ท. กับโจทก์สมคบกัน สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์เพื่อให้โจทก์นำไปเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินและ นำเช็คมาฟ้องคดี โดยท.มิได้เป็นหนี้โจทก์และโจทก์ทราบความเป็นมา ของเช็คพิพาทดังกล่าวโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยย่อมไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3702/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังในฐานะผู้รับอาวัลเช็ค: ไม่อาจอ้างระยะเวลาตามมาตรา 990 เพื่อปฏิเสธความรับผิด
การสลักหลังในฐานะผู้รับอาวัลเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติความรับผิดไว้เป็นกรณีพิเศษ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 940 มิใช่เป็นการสลักหลังโดยทั่วๆ ไป ย่อมมีผลผูกพันที่จะต้องรับผิดเช่นเดียวกับผู้สั่งจ่ายซึ่งตนเข้ารับประกันจึงไม่อาจอ้างระยะเวลาตาม มาตรา 990 มาเป็นเหตุปฏิเสธความรับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีมัสยิด: กรรมการหมดวาระ ย่อมขาดอำนาจดำเนินคดีแทน
คณะกรรมการมัสยิดได้รับการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 เมษายน2522 ซึ่งตามระเบียบว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนกรรมการ อิสลามประจำมัสยิด(สุเหร่า) และวิธีดำเนิน การอันเกี่ยวแก่ศาสนกิจของมัสยิด(สุเหร่า) พ.ศ.2492 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม พุทธศักราช 2488 ข้อ 12 กำหนดให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิดอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ4 ปี ฉะนั้นการที่คณะกรรมการมัสยิดดังกล่าวมาประชุมกันเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2526 และลงมติมอบอำนาจให้ พ.เป็นผู้แทนโจทก์เพื่อดำเนินคดีอันเป็นระยะเวลาที่ล่วงพ้นวาระในการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการมัสยิดไปแล้ว เช่นนี้จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากอำนาจเพราะบุคคลเหล่านั้นมิได้อยู่ในฐานะเป็นกรรมการมัสยิดแล้ว จึงไม่มีผลทำให้มัสยิดโจทก์มีอำนาจฟ้องคดีได้ เมื่อโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดี ปัญหาที่ว่าคำสั่งของจำเลยในการถอดถอนและแต่งตั้งกรรมการอิสลามประจำมัสยิด ของโจทก์จะชอบด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายคดีแลกกับที่ดิน: โมฆะ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรม
โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในมูลคดีที่จำเลยกับนายทรัพย์พิพาทกัน โจทก์ออกเงินให้จำเลยต่อสู้คดีโดยหวังจะได้ที่ดินที่จำเลยพิพาทกับนายทรัพย์มาเป็นสิทธิของโจทก์ ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือน้องสาวให้ได้รับความยุติธรรมจากศาล จึงเป็นสัญญาให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการที่ผู้อื่นเป็นความกัน เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นโมฆะทั้งจะเรียกเงินที่ออกไปคืนจากจำเลยก็ไม่ได้ เพราะการที่โจทก์ออกเงินไปนั้นเป็นการชำระหนี้อันฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายคดีแลกกับที่ดิน: โมฆะ หากไม่ใช่การช่วยเหลือเพื่อความยุติธรรม
โจทก์ไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในมูลคดีที่จำเลยกับนายทรัพย์พิพาทกัน โจทก์ออกเงินให้จำเลยต่อสู้คดีโดยหวังจะได้ที่ดินที่จำเลยพิพาทกับนายทรัพย์มาเป็นสิทธิของโจทก์ ไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือน้องสาวให้ได้รับความยุติธรรมจากศาล จึงเป็นสัญญาให้ได้รับประโยชน์ตอบแทนจากการที่ผู้อื่นเป็นความกัน เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นโมฆะ ทั้งจะเรียกเงินที่ออกไปคืนจากจำเลยก็ไม่ได้ เพราะการที่โจทก์ออกเงินไปนั้นเป็นการชำระหนี้อันฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2680/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดเครื่องหมายการค้าและการเรียกร้องค่าเสียหายที่สมเหตุสมผล
จำเลยทำละเมิด นำเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปเลียนแบบใช้ให้ปรากฏที่สินค้าของจำเลย รวมทั้งเอารูปรอยประดิษฐ์แบบเดียวกับสินค้าของโจทก์ไปพิมพ์ไว้ที่ซองบรรจุสินค้าของจำเลย ทำให้ประชาชนหลงเข้าใจผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ซึ่งสินค้าของจำเลยมีคุณภาพต่ำ ย่อมทำให้ลูกค้าของโจทก์ขาดความเชื่อถือไม่นิยมสินค้าของโจทก์ เป็นการทำลายชื่อเสียงทางการค้าของโจทก์ ทำให้สินค้าของโจทก์จำหน่ายได้ลดน้อยลง การที่โจทก์ประกาศหนังสือพิมพ์เป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนไม่เข้าใจผิดต่อไป และเป็นการระงับความเสียหายแก่ทางทำมาหาได้ในทางการค้าของโจทก์อัน เกิดจากการกระทำของจำเลยโดยตรง โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าประกาศหนังสือพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายได้ ส่วนค่าจ้างนักสืบทำการสืบหาตัวผู้กระทำผิด เป็นค่าเสียหายที่ไกลกว่าเหตุ ซึ่งไม่สมควรแก่พฤติการณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 438 โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกได้
จำเลยแถลงยอมรับต่อโจทก์ทั้งสองตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่าได้ทำละเมิดต่อโจทก์จริง ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่ายอมรับว่าได้ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสองนั่นเอง รวมทั้งยอมรับในจำนวนค่าเสียหายด้วยคงตกลงกันให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า โจทก์จะมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ในรายการใดบ้าง ใน 3 รายการที่โจทก์ขอมาเท่านั้นส่วนประเด็นอื่นเป็นอันสละทั้งสิ้น จำเลยจะกลับรื้อฟื้นโต้เถียงในชั้นฎีกาอีกว่าโจทก์ที่ 2 ไม่เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่ เป็นการหยิบยกเอาประเด็นอื่นนอกเหนือจากที่ตกลงกันไว้มาสู้กันอีก อันเป็นการผิดข้อตกลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดจากการให้ลูกหนี้มีหนี้สินพ้นตัว ไม่อาจนำมาขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้
แม้ว่าหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้รายเดียวกับที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายที่เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องคดีก็ตาม ก็หามีผลผูกพันให้ศาล จำต้องถือตามไม่ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นำมาขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94(2) และยกคำขอรับชำระหนี้นั้นเสียได้
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2528

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกิดจากความรู้เห็นชอบของเจ้าหนี้ แม้เป็นหนี้เดิม ศาลล้มละลายยกคำขอรับชำระได้
แม้ว่าหนี้ที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้รายเดียวกับที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายที่เจ้าหนี้เป็นโจทก์ฟ้องคดีก็ตามก็หามีผลผูกพันให้ศาล จำต้องถือตามไม่ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ที่นำมาขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 94 (2) และยกคำขอรับชำระหนี้นั้นเสียได้
หมายเหตุ ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2528

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม การพกพาอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต และอำนาจยกฟ้องของศาลฎีกา
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลย ที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนัก เป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใด ที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลย เพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้
จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตาย และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุด แล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืน ปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนี แต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไป ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่า จำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาท หรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้
เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลย มีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8 ทวิ และจำเลย ย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72 ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง
of 72