คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อุทิศ บุญชู

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์โดยสำคัญผิด และสิทธิในการอายัดรถยนต์ของผู้สุจริต
ก่อนนำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานรถยนต์ที่มีผู้นำมาขอแลกว่า หมายเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ตรงกับในทะเบียนรถยนต์ และรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ขอแลกนำมาแสดงก็ตรงกับผู้ขอแลกซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถไม่ปรากฏว่าทะเบียนรถมีพิรุธว่าเป็นของปลอม หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขอแลกไม่ใช่เจ้าของรถ แม้จำเลยจะไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนยังกองทะเบียน กรมตำรวจ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยสำคัญผิด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้ประโยชน์แก่ตน จำเลยย่อมมีสิทธิอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตในการทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ และสิทธิในการอายัดทรัพย์
ก่อนทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์จำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานรถยนต์ที่มีผุ้นำมาขอแลกว่าหมายเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ตรงกับในทะเบียนรถยนต์และรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ขอแลกนำมาแสดงก็ตรงกับผู้ขอแลกซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถไม่ปรากฏว่าทะเบียนมีพิรุธว่าเป็นของปลอมหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขอแลกไม่ใช่เจ้าของรถแม้จำเลยจะไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนยังกองทะเบียนกรมตำรวจก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยสำคัญผิดด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนจำเลยย่อมมีสิทธิอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตจำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ การใช้สิทธิอายัดรถยนต์โดยสุจริต
จำเลยซื้อรถยนต์พิพาทมาจากป. แต่ยังไม่ได้โอนทะเบียนเป็นชื่อจำเลยต่อมามีผู้อ้างว่าชื่อธ. นำรถยนต์มาขอแลกเปลี่ยนกับรถยนต์พิพาทจำเลยก็ตกลงแลกเปลี่ยนให้หลังจากนั้นโจทก์ได้รับซื้อรถยนต์พิพาทไว้จากชายคนหนึ่งอีก2วันต่อมาจำเลยทราบว่าทะเบียนรถที่ธ. นำมาแลกเปลี่ยนเป็นทะเบียนปลอมเจ้าของรถที่แท้จริงไม่ใช่ธ. จำเลยจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนและขออายัดรถยนต์พิพาทไว้เมื่อได้ความว่าก่อนตกลงแลกเปลี่ยนรถกันจำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่ธ. นำมาขอแลกเปลี่ยนแล้วปรากฏว่าตรงกับในทะเบียนรถและรูปถ่ายในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงเหมือนกับผู้ที่อ้างว่าเป็นธ. ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ใช้ความระมัดระวังพอสมควรแล้วแม้จะถือว่านิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะเพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเลยกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน และย่อมมีสิทธิในการขออายัดรถยนต์พิพาทได้โดยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องคดีเช็ค การเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงในการพิจารณา และความครบถ้วนของรายละเอียดฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่าจ.นำเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์การที่จ.นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ถือได้ว่าเช็คที่มอบให้โจทก์นั้นจ.มอบให้เพื่อชำระหนี้เงินที่จ.เอาไปจากโจทก์ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ1ตอนท้ายว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้วส่งมอบแก่ผู้มีชื่อต่อมาผู้มีชื่อได้โอนเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เห็นว่าฟ้องโจทก์่าวได้บรรยายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วส่วนที่ว่าผู้มีชื่อโอนเช็คให้โจทก์เป็นใครชื่ออะไรนั้นเป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158(5)บัญญัติไว้หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของโจทก์ในการฟ้องคดีเช็ค และความครบถ้วนของฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์ แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จ. นำเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ การที่ จ.นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ถือได้ว่าเช็คที่มอบให้โจทก์นั้น จ. มอบให้เพื่อชำระหนี้เงินที่ จ.เอาไปจากโจทก์ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 1 ตอนท้ายว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้วส่งมอบแก่ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อได้โอนเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่ว่าผู้มีชื่อโอนเช็คให้โจทก์เป็นใคร ชื่ออะไรนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (5) บัญญัติไว้ หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3440/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของโจทก์ในการฟ้องคดีเช็ค และความเพียงพอของฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ผู้มีชื่อโอนเช็คพิพาทชำระหนี้โจทก์แต่ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จ. นำเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์การที่จ.นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์ถือได้ว่าเช็คที่มอบให้โจทก์นั้นจ. มอบให้เพื่อชำระหนี้เงินที่ จ.เอาไปจากโจทก์ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาจึงมิได้แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 1 ตอนท้ายว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในเช็คแล้วส่งมอบแก่ผู้มีชื่อ ต่อมาผู้มีชื่อได้โอนเช็คดังกล่าวเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ เห็นว่า ฟ้องโจทก์ดังกล่าวได้บรรยายถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนที่ว่าผู้มีชื่อโอนเช็คให้โจทก์เป็นใคร ชื่ออะไรนั้น เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์ครบถ้วนตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) บัญญัติไว้หาใช่เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการไม่อนุญาตระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานโจทก์เสร็จ
ชั้นสืบพยานจำเลยจำเลยขอเลื่อนคดีหลายครั้งจนในนัดสุดท้ายจำเลยแถลงรับรองต่อศาลว่าในนัดต่อไปจำเลยมีพยานมาศาลเท่าใดก็จะสืบเพียงนั้นแต่พอถึงวันนัดจำเลยยังคงไม่มีพยานมาสืบพร้อมกันนี้ทนายจำเลยก็ขอถอนตัวและจำเลยได้ตั้งทนายความใหม่ในโอกาสเดียวกันนี้ทนายจำเลยคนใหม่ก็ได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมและขอเลื่อนคดีซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตทั้งสองกรณีเห็นว่าการขอระบุพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นเวลาภายหลังที่โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อนนำสืบพยานเสร็จแล้วเหตุผลในคำร้องของจำเลยไม่เข้าเงื่อนไขตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88วรรคท้ายที่ศาลจะอนุญาตตามคำขอได้เพราะจำเลยย่อมทราบดีแล้วในขณะสืบพยานโจทก์ว่าพยานที่จำเลยขอระบุเพิ่มเติมเป็นผู้รับสำนวนการสอบสวนจากพยานโจทก์ดำเนินการต่อมาจำเลยชอบที่จะขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้เสียแต่ตอนนั้นเมื่อจำเลยมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องแต่เพิ่งมายื่นบัญชีขอระบุพยานเพิ่มเติมเอาในนัดสุดท้ายซึ่งจำเลยได้แถลงรับรองต่อศาลแล้วว่าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกจึงเป็นพฤติการณ์ที่ส่อให้เห็นเจตนาที่จะประวิงคดีโดยตรง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอระบุพยานเพิ่มเติมหลังสืบพยานโจทก์ และเจตนาประวิงคดี ศาลชอบด้วยเหตุผลในการไม่อนุญาต
จำเลยยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมภายหลังเสร็จการสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนโดยจำเลยทราบดีแล้วว่าพยานดังกล่าวมีอยู่ขณะสืบพยานโจทก์จึงไม่อยู่ภายในเงื่อนไขแห่งป.วิ.พ.มาตรา88วรรคท้ายที่ศาลจะอนุญาตตามคำขอ พฤติการณ์ที่จำเลยขอเลื่อนคดีมาหลายครั้งจนนัดสุดท้ายแถลงว่าจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกโดยจะสืบพยานเท่าที่มาศาลแต่พอถึงวันนัดกลับไม่มีพยานมาศาลพร้อมกับทนายจำเลยขอถอนตัวและจำเลยได้ตั้งทนายความใหม่ทนายจำเลยคนใหม่ยื่นคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมและขอเลื่อนคดีพฤติการณ์ดังกล่าวส่อให้เห็นเจตนาที่จะประวิงคดีที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตทั้งสองกรณีจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3427/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ายังไม่เป็นลายลักษณ์อักษร ศาลต้องสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนตัดสิน
โจทก์ตกลงเช่าห้องอาหารของจำเลยเป็นเวลา1ปีแบ่งชำระค่าเช่าเป็น4งวดโจทก์ได้ชำระค่าเช่างวดแรกให้จำเลยครบถ้วนแล้วคู่กรณีโต้เถียงกันว่าเหตุที่ไม่อาจทำสัญญาเป็นหนังสือกันได้เพราะอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติผิดข้อตกลงดังนี้ฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้มีนิติสัมพันธ์กันแล้วตามข้อตกลงในเรื่องการเช่าแต่เหตุที่ยังไม่อาจทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรได้เพราะยังคงโต้เถียงกันจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไปหาใช่กรณีเป็นที่สงสัยอันจะเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่าโจทก์จำเลยยังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา366วรรคสองไม่ทั้งเงินที่จำเลยรับไว้จากโจทก์ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นลาภมิควรได้เพราะจำเลยรับไว้เป็นค่าเช่างวดแรกตามข้อตกลงจึงไม่ใช่รับไว้โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้การที่ศาลล่างด่วนตัดพยานทั้งที่คู่กรณียังมีข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันอยู่เช่นนี้เป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3427/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ายังไม่สมบูรณ์ สิทธิและหน้าที่เกิดขึ้นแล้ว ศาลต้องสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ตกลงเช่าห้องอาหารของจำเลยเป็นเวลา 1 ปี แบ่งชำระค่าเช่าเป็น 4 งวด โจทก์ได้ชำระค่าเช่างวดแรกให้จำเลยครบถ้วนแล้วคู่กรณีโต้เถียงกันว่า เหตุที่ไม่อาจทำสัญญาเป็นหนังสือกันได้เพราะอีกฝ่ายหนึ่งปฏิบัติผิดข้อตกลง ดังนี้ ฟังได้ว่าโจทก์จำเลยได้มีนิติสัมพันธ์กันแล้ว ตามข้อตกลงในเรื่องการเช่า แต่เหตุที่ยังไม่อาจทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรได้เพราะยังคงโต้เถียงกัน จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลต้องฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยต่อไป หาใช่กรณีเป็นที่สงสัยอันจะเข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายที่ให้ถือว่าโจทก์จำเลยยังมิได้มีสัญญาต่อกันจนกว่าจะได้ทำเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 366 วรรคสองไม่ ทั้งเงินที่จำเลยรับไว้จากโจทก์ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นลาภมิควรได้ เพราะจำเลยรับไว้เป็นค่าเช่างวดแรกตามข้อตกลงจึงไม่ใช่รับไว้โดยปราศจากมูลอัน จะอ้างกฎหมายได้ การที่ศาลล่างด่วนตัดพยานทั้งที่คู่กรณียังมีข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันอยู่เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบ
of 25