พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำคู่ความเพื่อกันส่วนเงิน ไม่ถือเป็นการแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137
คำร้องขอกันส่วนเงินของจำเลยเป็นคำคู่ความ การยื่นคำร้องดังกล่าวถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 จึงจะนำมาตราดังกล่าวมาใช้แก่กรณีนี้ไม่ได้เพราะมาตรานี้มิได้มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่การยื่นคำคู่ความต่อศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อไม่สามารถยืนยันได้ ศาลต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในเช็คพิพาทตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้วไม่อาจลงความเห็นยืนยันให้เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดได้ศาลก็ไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะหรือแพ้คดีตามคำท้าต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำท้าของโจทก์จำเลยไว้จะมีข้อความว่าคู่ความไม่ติดใจสืบพยานก็มีความหมายว่าหากผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำท้าแล้วคู่ความจะไม่ติดใจสืบพยานจะถือว่าในกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ลงความเห็นคู่ความก็ไม่ติดใจสืบพยานด้วยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลการตรวจลายมือชื่อไม่ชัดเจน ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติม แม้คู่ความตกลงไม่สืบพยาน
เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในเช็คพิพาทตามคำท้าของโจทก์จำเลยแล้ว ไม่อาจลงความเห็นยืนยันให้เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดได้ศาลก็ไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะหรือแพ้คดีตามคำท้า ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำท้าของโจทก์จำเลยไว้จะมีข้อความว่า คู่ความไม่ติดใจสืบพยาน ก็มีความหมายว่าหากผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำท้าแล้ว คู่ความจะไม่ติดใจสืบพยาน จะถือว่าในกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ลงความเห็น คู่ความก็ไม่ติดใจสืบพยานด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2939/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ ผู้เชี่ยวชาญไม่อาจยืนยันผล ศาลต้องรับฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไป
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อที่เซ็นกำกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในเช็คผลจากการพิสูจน์ปรากฏว่าผู้เชี่ยวชาญไม่อาจลงความเห็นยืนยันให้เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งอย่างใดตามคำท้าได้ศาลก็ไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดให้ฝ่ายใดชนะหรือแพ้คดีจึงชอบที่จะรับฟังพยานหลักฐานอื่นของโจทก์จำเลยต่อไป แม้ตามรายงานกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นจดบันทึกคำท้าจะมีข้อความว่าคู่ความไม่ติดใจสืบพยานก็มีความหมายว่าหากผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งตามคำท้าแล้วคู่ความจะไม่ติดใจสืบพยานจะถือว่าในกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญไม่ลงความเห็นคู่ความก็ไม่ติดใจสืบพยานหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2814/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดในละเมิดจากการให้เช่าทรัพย์ของผู้อื่น ทำให้เจ้าของทรัพย์ขาดประโยชน์ในการใช้สอยและมีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกไป
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยนำห้องแถวของโจทก์ไปให้ผู้อื่นเช่า ย่อมทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะใช้สอยหรือให้เช่า จำเลยมีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถว เมื่อจำเลยยังไม่ได้จัดการให้ผู้เช่าออกไป ความเสียหายก็ยังคงมีอยู่ตลอดไปจนกว่าผู้เช่าจะออกไปจากห้องแถวนั้น
แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่ผู้เช่าแล้ว เมื่อผู้เช่ายังไม่ออกไปจากห้องแถวนั้น จำเลยจึงยังไม่หลุดพ้นความรับผิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวได้
แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่ผู้เช่าแล้ว เมื่อผู้เช่ายังไม่ออกไปจากห้องแถวนั้น จำเลยจึงยังไม่หลุดพ้นความรับผิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2814/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกจากห้องแถวที่ให้เช่าโดยละเมิดสิทธิโจทก์ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจนกว่าผู้เช่าจะออกไป
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยนำห้องแถวของโจทก์ไปให้ผู้อื่นเช่าย่อมทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะใช้สอยหรือให้เช่าจำเลยมีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวเมื่อจำเลยยังไม่ได้จัดการให้ผู้เช่าออกไปความเสียหายก็ยังคงมีอยู่ตลอดไปจนกว่าผู้เช่าจะออกไปจากห้องแถวนั้น แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่ผู้เช่าแล้วเมื่อผู้เช่ายังไม่ออกไปจากห้องแถวนั้นจำเลยจึงยังไม่หลุดพ้นความรับผิดโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2814/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเมิด กรณีให้เช่าทรัพย์ของผู้อื่น ผู้ให้เช่ามีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากทรัพย์สิน
จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยนำห้องแถวของโจทก์ไปให้ผู้อื่นเช่า ย่อมทำให้โจทก์ขาดประโยชน์ที่จะใช้สอยหรือให้เช่า จำเลยมีหน้าที่จัดการให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถว เมื่อจำเลยยังไม่ได้จัดการให้ผู้เช่าออกไป ความเสียหายก็ยังคงมีอยู่ตลอดไปจนกว่าผู้เช่าจะออกไปจากห้องแถวนั้น
แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่ผู้เช่าแล้ว เมื่อผู้เช่ายังไม่ออกไปจากห้องแถวนั้น จำเลยจึงยังไม่หลุดพ้นความรับผิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวได้
แม้โจทก์จะฟ้องขับไล่ผู้เช่าแล้ว เมื่อผู้เช่ายังไม่ออกไปจากห้องแถวนั้น จำเลยจึงยังไม่หลุดพ้นความรับผิด โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะได้ให้ผู้เช่าออกไปจากห้องแถวได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบร่วมกันทำร้ายร่างกาย: ความรับผิดชอบร่วม
จำเลยกับพวก2-3คนเข้ากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายและพวกของจำเลยฟันผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะและหน้าผากจนสลบไปก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้มายืนในที่เกิดเหตุแล้วเมื่อมีเสียงร้องว่า'เอามันเลยได้เสือลาย'จำเลยกับพวกก็เข้ารุมทำร้ายผู้เสียหายซึ่งสวมเสื้อลายทันทีแล้วหลบหนีไปพร้อมกันฟังได้แล้วว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมสมคบกันตั้งแต่ต้นหาใช่เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำอันจะเป็นผลให้แยกความรับผิดออกจากกันไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2632/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมคบร่วมกันทำร้ายร่างกาย: การกระทำร่วมกันตั้งแต่ต้นแสดงเจตนา
จำเลยกับพวก2-3คนเข้ากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายและพวกของจำเลยฟันผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะและหน้าผากจนสลบไปก่อนเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้มายืนในที่เกิดเหตุแล้วเมื่อมีเสียงร้องว่า"เอามันเลยไอ้เสื้อลาย"จำเลยกับพวกก็เข้ารุมทำร้ายผู้เสียหายซึ่งสวมเสื้อลายทันทีแล้วหลบหนีไปพร้อมกันฟังได้แล้วว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมสมคบกันตั้งแต่ต้น หาใช่เป็นเรื่องต่างคนต่างกระทำอันจะเป็นผลให้แยกความรับผิดออกจากกันไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร: การกระทำเกินขอบเขตความยินยอมของมารดา
นางส. อนุญาตให้จำเลยพาเด็กหญิงศ. อายุ12ปีซึ่งเป็นบุตรออกไปจากบ้านเพื่อให้เด็กหญิงศ. นำจำเลยไปพบกับบิดาณที่ทำงานการที่จำเลยพาเด็กหญิงศ. เข้าไปในโรงแรมจึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องทันทีและกวักมือเรียกให้เด็กหญิงศ. ตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่เด็กหญิงศ. ไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับเด็กหญิงศ. เพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นจึงเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามป.อ.มาตรา317.