คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประพันธ์ ผลฉาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 202 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2868/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินหลังคำพิพากษาตามยอม: โจทก์ได้สิทธิเรียกร้องให้จดทะเบียน ไม่ได้กรรมสิทธิ์
การที่ศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินมีโฉนดให้โจทก์ทำให้โจทก์ได้แต่สิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ก่อนตามป.พ.พ.มาตรา1300เท่านั้นโจทก์หาได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวไม่โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิติดตามเอาคืนโฉนดสำหรับที่ดินดังกล่าวจากบุคคลผู้ยึดถือโฉนดนั้นไว้ตามมาตรา1336.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นคดีมีทุนทรัพย์/ไม่มีทุนทรัพย์ หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้ว
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้วอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ก่อนส่งสำนวนมายังศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มอย่างคดีมีทุนทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ประสงค์จะขอให้ศาลวินิจฉัยเป็นแบบอย่างว่าคดีทำนองเดียวกันนี้ควรจะเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่มีทุนทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เช่นนี้จึงมีลักษณะเป็นคำขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการใดที่เป็นปัญหาในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา143จำต้องขอต่อศาลที่มีอำนาจซึ่งกรณีนี้หากศาลชั้นต้นยังไม่มีคำสั่งในเรื่องนี้ย่อมจะต้องขอต่อศาลชั้นต้นแต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งกรณีนี้ไปแล้วจึงชอบที่จะขอต่อศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาเพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาเสียแล้วจึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อีกต่อไปฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นฎีกาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาค่าขึ้นศาลคดีล้มละลาย: การขอคำสั่งศาลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย และอำนาจศาล
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไว้แล้วอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ก่อนส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มอย่างคดีมีทุนทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ประสงค์จะขอให้ศาลวินิจฉัยเป็นแบบอย่างว่าคดีทำนองเดียวกันนี้ควรจะเป็นคดีมีทุนทรัพย์หรือไม่มีทุนทรัพย์อุทธรณ์คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เช่นนี้จึงมีลักษณะเป็นคำขอให้ศาลมีคำสั่งเกี่ยวกับการใดที่เป็นปัญหาในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามพ.ร.บ.ล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา143จำต้องขอต่อศาลที่มีอำนาจซึ่งกรณีนี้หากศาลชั้นต้นยังไม่มีคำสั่งในเรื่องนี้ย่อมจะต้องขอต่อศาลชั้นต้นแต่เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งกรณีนี้ไปแล้วจึงชอบที่จะขอต่อศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาเพื่อขอให้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งเมื่อศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาเสียแล้วจึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อีกต่อไปฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นฎีกาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2741/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ในราชอาณาจักรไม่มีสิทธิได้รับขยายเวลาเกิน 2 เดือน
โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา2เดือนอ้างว่าไม่ทราบการโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในหนังสือพิมพ์ดังนี้เท่ากับเป็นการขยายเวลาตามพ.ร.บ.ล้มละลายฯมาตรา91ออกไปเมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรจึงไม่มีเหตุที่จะขยายเวลาให้โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา2เดือน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับจากสัญญาจ้างเหมา ความรับผิดชอบค่าปรับที่เกิดจากความล่าช้า และการหักกลบลบหนี้
ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยข้อ 8 ที่ระบุว่า 'ผู้รับจ้างยินยอมรับผิดชอบค่าปรับอันเนื่องจากเหตุแห่งความล่าช้าจากกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 3(168วัน) โดยคิดตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดกับอัตราค่าปรับที่โรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย คิดปรับจากผู้ว่าจ้าง'นั้นหมายความว่าโจทก์ยินยอมรับผิดชอบค่าปรับตามอัตราค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 3 มิใช่โจทก์ยินยอมเสียค่าปรับตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าจำนวนหนึ่งกับค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยอีกจำนวนหนึ่ง
ค่าปรับก็คือค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดจำนวนกันไว้ ล่วงหน้า เมื่อกำหนดค่าปรับกันแล้วก็ไม่สมควรที่จะให้ได้รับค่าเสียหายจากกันอีก ในกรณีค่าปรับกับค่าเสียหายใกล้เคียงกันศาลกำหนดให้จำเลยได้รับค่าเสียหายเท่ากับค่าปรับ ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับจากสัญญาจ้างเหมา vs. ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา: การตีความขอบเขตความรับผิด
ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยข้อ 8 ที่ระบุว่า 'ผู้รับจ้างยินยอมรับผิดชอบค่าปรับอันเนื่องจากเหตุแห่งความล่าช้าจาก กำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 3 (168 วัน) โดยคิดตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดกับอัตราค่าปรับที่โรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย คิดปรับจากผู้ว่าจ้าง' นั้นหมายความว่า โจทก์ยินยอมรับผิดชอบค่าปรับตามอัตราค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 3 มิใช่โจทก์ยินยอมเสียค่าปรับตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าจำนวนหนึ่ง กับค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยอีกจำนวนหนึ่ง
ค่าปรับก็คือค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดจำนวนกันไว้ล่วงหน้า เมื่อกำหนดค่าปรับกันแล้วก็ไม่สมควรที่จะให้ได้รับค่าเสียหายจากกันอีก ในกรณีค่าปรับกับค่าเสียหายใกล้เคียงกันศาลกำหนดให้จำเลยได้รับค่าเสียหายเท่ากับค่าปรับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าปรับตามสัญญาจ้างเหมาและการชดใช้ค่าเสียหาย กรณีงานล่าช้า และการหักกลบลบหนี้
ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยข้อ8ที่ระบุว่า'ผู้รับจ้างยินยอมรับผิดชอบค่าปรับอันเนื่องจากเหตุแห่งความล่าช้าจากกำหนดระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ3(168วัน)โดยคิดตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดกับอัตราค่าปรับที่โรงพิมพ์ธนบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากผู้ว่าจ้าง.....'นั้นหมายความว่าโจทก์ยินยอมรับผิดชอบค่าปรับตามอัตราค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าไปจากที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ3มิใช่โจทก์ยินยอมเสียค่าปรับตามส่วนของงานและเวลาที่ล่าช้าจำนวนหนึ่งกับค่าปรับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคิดปรับจากจำเลยอีกจำนวนหนึ่ง ค่าปรับก็คือค่าเสียหายที่คู่สัญญากำหนดจำนวนกันไว้ล่วงหน้าเมื่อกำหนดค่าปรับกันแล้วก็ไม่สมควรที่จะให้ได้รับค่าเสียหายจากกันอีกในกรณีค่าปรับกับค่าเสียหายใกล้เคียงกันศาลกำหนดให้จำเลยได้รับค่าเสียหายเท่ากับค่าปรับได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2705/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดโดยใช้ยานพาหนะ
จำเลยทั้งสามร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดแม้จำเลยที่1คนเดียวมีอาวุธปืนการกระทำของจำเลยทั้งสามก็เป็นความผิดตามป.อ.มาตรา340ประกอบด้วยมาตรา340ตรี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2671/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นเจ้าของและแสดงเจตนาชัดเจน คำสั่งศาลถึงที่สุดไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
แม้คดีก่อนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยการครอบครองปรปักษ์และคำสั่งดังกล่าวถึงที่สุด จึงไม่อาจเพิกถอนได้แต่เมื่อโจทก์เป็นบุคคลภายนอกคดีซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำสั่งดังกล่าวย่อมไม่ผูกพันโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนที่ดินที่เป็นสินสมรสเนื่องจากผู้ซื้อไม่สุจริตและไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของร่วม
เมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1ซึ่งสมรสกันมาตั้งแต่พ.ศ.2475โดยยังมิได้หย่าร้างกันดังนี้โจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอให้ลงชื่อตนเป็นเจ้าของร่วมกันในโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1475. จำเลยที่3เป็นบุตรของจำเลยที่1เคยทราบว่ามารดาและพี่ชายเคยถูกโจทก์ฟ้องขอเพิกถอนการโอนที่ดินบางแปลงมาแล้วแสดงว่าจำเลยที่3ทราบดีว่าโจทก์ก็ยังเป็นภริยาจำเลยที่1อยู่นอกจากนี้ในวันโอนที่ดินแปลงพิพาทก็ได้ทราบจากพนักงานที่ดินแล้วว่าโจทก์เคยอายัดที่ดินแปลงนี้ไว้แต่หมดอายุแล้วแต่จำเลยที่3ก็ยังฝืนรับซื้อที่ดินจากจำเลยที่1จึงส่อถึงเจตนาอันไม่สุจริตฉะนั้นเมื่อที่ดินเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยที่1จำเลยที่1จะขายที่ดินแปลงนี้จะต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์หรือโจทก์ให้สัตยาบันเสียก่อนการขายนั้นจึงจะสมบูรณ์การที่จำเลยที่1ขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่3โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และจำเลยที่3กระทำการโดยไม่สุจริตดังนี้โจทก์จึงมีสิทธิขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินแปลงนี้ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 21