คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 39

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5978/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีเช็ค: การชำระหนี้ครบถ้วนหลังยื่นฎีกาทำให้คดีอาญาเลิกกันตามกฎหมาย
เมื่อโจทก์ได้รับชำระเงินจากจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามเช็คจนครบถ้วนตามที่ฟ้องมาแล้วดังนี้หนี้ที่จำเลยออกเช็คจึงสิ้นผลผูกพันแม้โจทก์จะเรียกร้องเงินอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากเงินตามเช็คอีกภายหลังที่ยื่นคำฟ้องแล้วโดยจำเลยจะชดใช้ให้ก็เป็นเงินคนละจำนวนกับเช็คตามที่โจทก์ฟ้องไม่ทำให้หนี้ตามเช็คมีผลผูกพันกันใหม่ต้องถือว่าคดีเลิกกันสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับและเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลย่อมยกขึ้นอ้างได้เอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4548/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีอาญาฐานยักยอกและการระงับการฟ้องร้อง
เอกสารที่อ.ผู้เสียหายทำให้จำเลย มีข้อความระบุว่าอ.รับรองว่าอ.ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยแล้วและไม่ติดใจเอาความต่อไป ถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ตกลงยอมความกันแล้ว เมื่อความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เป็นความผิดอันยอมความกันได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2825/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การระงับข้อพิพาทเช็คโดยการเจรจาและออกเช็คล่วงหน้า ทำให้สิทธิฟ้องอาญาตามเช็คเดิมระงับ
จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ผู้เสียหายเมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินเนื่องจากบัญชีของจำเลยปิดแต่ได้ไปทำสัญญากับมารดาจำเลยที่สถานีตำรวจโดยมารดาจำเลยยอมชำระหนี้แทนต่อมาผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คหลังจากนั้นมารดาจำเลย ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามข้อตกลงผู้เสียหายจึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยต่อมาจำเลยนำเงินไปชำระให้ผู้เสียหาย55,000บาทส่วนที่เหลือจำเลยสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ล่วงหน้าให้ไว้อีก2ฉบับดังนี้ถือได้ว่าผู้เสียหายกับจำเลยมุ่งหมายที่จะ ระงับข้อพิพาทโดยผู้เสียหายตกลงเข้าถือสิทธิในเงินและเช็คลงวันที่ล่วงหน้าทั้ง2ฉบับดังกล่าวสละสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยต่อไปสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฟ้องคดีอาญาแล้วขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ภายหลัง: ผลกระทบต่อสิทธิการฟ้องคดี
พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม2536 ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ฟ้องจำเลยในข้อหาเดียวกันนี้เป็นคดีต่างหากและถอนฟ้องจำเลยไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2536โดยไม่ปรากฎในคำร้องว่าถอนไปเพื่อขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ต่อมาวันที่ 30 สิงหาคม 2537 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ในคดีนี้ ดังนี้ แม้ว่าผู้ร้องอาจขอเข้าร่วม เป็นโจทก์ได้โดยไม่จำต้องกล่าวหรือมีข้อแม้ในคำร้องขอถอนฟ้องว่าถอนไปเพื่อขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ก็ตามแต่การที่ผู้ร้องเพิ่งจะยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หลังจากที่ได้ถอนฟ้องไปแล้วเป็นเวลากว่า 10 เดือนแสดงว่า ผู้ร้องมีเจตนาที่จะถอนฟ้องเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามมาตรา 39(2) เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ เท่ากับนำคดีมาฟ้องจำเลยใหม่อีกจึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1120/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญาหลังถูกลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล และการปรับบทลงโทษที่ถูกต้อง
จำเลยประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลโดยทำใบมอบอำนาจปลอมยื่นต่อศาลอันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลและศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33ซึ่งสั่งลงโทษจำเลยได้โดยไม่ต้องมีผู้ใดเป็นโจทก์ฟ้องแม้จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งแล้วพนักงานอัยการได้ทำคำแก้อุทธรณ์ก็ตามก็ถือไม่ได้ว่าพนักงานอัยการเป็นโจทก์ การที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานปลอมเอกสารใบมอบอำนาจและใช้เอกสารปลอม จึงเป็นคนละเรื่องกับคดีฐานละเมิดอำนาจศาล ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งลงโทษจำเลยและคดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมไม่ระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) หนังสือมอบอำนาจเป็นเอกสารธรรมดา ซึ่งบุคคลคนหนึ่งมอบหมายให้บุคคลอีกคนหนึ่งมีอำนาจจัดการทำนิติกรรมแทนตนเท่านั้น ไม่เป็นเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการก่อตั้งสิทธิไม่ใช่เอกสารสิทธิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7878/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำและความเสียหายจากการเลียนเครื่องหมายการค้า การบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษ
การกระทำของจำเลยในคดีก่อน มีเจตนาเสนอจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ส่วนการกระทำของจำเลยในคดีนี้ มีเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เมื่อเจตนาของการกระทำผิดทั้งสองข้อหาแตกต่างกัน โจทก์ฟ้องคดีนี้ไม่เป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) หลังจากที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไม่นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอไว้ในคดีก่อนบวกเข้ากับโทษจำคุกคดีนี้แล้ว โจทก์ไม่อุทธรณ์ ถือว่าโจทก์พอใจในคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จะนำเรื่องการบวกโทษขึ้นมาวินิจฉัยบวกโทษอีกไม่ได้เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษแก่จำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คำพิพากษายกฟ้องที่วินิจฉัยความไม่สมบูรณ์ของฟ้อง เป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหน้าที่และการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติของจำเลยมีจริงหรือไม่เป็นองค์ประกอบสำคัญในความผิดที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีก่อนที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่บรรยายแจ้งชัดว่าจำเลยมีหน้าที่และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างไรจึงเป็นการวินิจฉัยขาดในข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยตามคำฟ้องโจทก์ว่าไม่เป็นความผิดจึงเป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4)โจทก์จึงฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดอย่างเดียวกันกับคดีก่อนอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: คำพิพากษายกฟ้องที่วินิจฉัยความไม่สมบูรณ์ของฟ้อง ถือเป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหน้าที่และการปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติของจำเลยมีจริงหรือไม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในความผิดที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลย คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีก่อนที่ว่าฟ้องโจทก์ไม่บรรยายแจ้งชัดว่าจำเลยมีหน้าที่และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างไร จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดในข้อเท็จจริงแห่งการกระทำของจำเลยตามคำฟ้องโจทก์ว่าไม่เป็นความผิด จึงเป็นคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) โจทก์จึงฟ้องจำเลยในการกระทำความผิดอย่างเดียวกันกับคดีก่อนอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมความในคดีเช็ค: การแลกเปลี่ยนเช็คชุดเก่ากับชุดใหม่ถือเป็นการสละสิทธิในการฟ้องคดีอาญา
จำเลยออกเช็คพิพาทชำระหนี้แก่ผู้เสียหายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินผู้เสียหายนำเช็คพิพาทไปร้องทุกข์และมอบไว้ต่อพนักงานสอบสวนต่อมาผู้เสียหายยอมรับเช็คจำนวน25ฉบับจากจำเลยเป็นการแลกเปลี่ยนกับเช็คพิพาทโดยยินยอมคืนเช็คพิพาทให้แก่จำเลยแต่ยังไม่อาจคืนให้ในขณะที่รับเช็ค25ฉบับจึงได้บันทึกไว้ในเอกสารว่าเช็คชุดเก่ายังไม่ได้คืนและผู้เสียหายได้นำเช็คบางฉบับของจำนวน25ฉบับที่ถึงกำหนดจ่ายเงินไปเรียกเก็บเงินแล้วแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายตกลงเข้าถือสิทธิตามเช็คดังกล่าวและสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใดๆที่มีอยู่ในเช็คพิพาทอีกต่อไปรวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาเอากับจำเลยด้วยข้อตกลงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการยอมความกันทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องสำหรับเช็คพิพาทระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)การที่ผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามเช็คจำนวน25ฉบับตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเช็คก็ไม่เป็นเงื่อนไขในการตกลงยอมความกันเพราะผู้เสียหายชอบที่จะดำเนินคดีแก่ผู้ออกเช็คจำนวน25ฉบับเป็นคดีใหม่ต่อไปได้และไม่ทำให้สิทธิดำเนินคดีอาญาในเช็คพิพาทซึ่งระงับไปแล้วเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: การยอมความไม่สมบูรณ์ ไม่ระงับการฟ้องคดี
คดีข่มขืนกระทำชำเราเมื่อผู้เสียหายยืนยันว่าได้ถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่และยังได้บอกให้บิดาทราบในทันทีที่บิดากลับบ้านหลังเกิดเหตุเพียง2ชั่วโมงประกอบกับในการเจรจาระหว่างญาติฝ่ายผู้เสียหายกับฝ่ายจำเลยจำเลยก็ยอมรับว่าได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจริงพยานหลักฐานโจทก์จึงฟังลงโทษจำเลยได้ ฝ่ายผู้เสียหายตกลงกับจำเลยและญาติจำเลยว่าฝ่ายจำเลยจะดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายและสู่ขอแต่งงานกับผู้เสียหายใน10วันโดยไม่ให้มีการแจ้งความดำเนินคดีแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขข้อตกลงกรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความตามกฎหมายสิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(2)
of 33