พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1041-1046/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวแต่ฟ้องหลายสำนวน, ดุลพินิจศาลรอการลงโทษ, และการแจ้งความเท็จ
จำเลยทำผิดเป็นกรรมเดียว. แต่โจทก์แต่ละคนแยกฟ้องจำเลยเป็น 5 สำนวน. จึงแยกสำนวนลงโทษจำเลยเรียงไปแต่ละสำนวนมิได้. มิฉะนั้นก็จะกลายเป็นว่าจำเลยทำผิดเพียงครั้งเดียว. แต่ถูกลงโทษในความผิดอันเดียวกันนั้นซ้ำกันหลายๆครั้งได้.
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน. และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ. โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย. เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล. เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง. จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220.
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษ 6 เดือน. และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รอการลงโทษ. โจทก์ฎีกาขอมิให้รอการลงโทษจำเลย. เป็นฎีกาในเรื่องดุลพินิจของศาล. เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง. จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาเนื่องจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดเดียวกัน และประเด็นการโอนคดีที่ยุติแล้ว
ภรรยาผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานฆ่าสามีตายโดยเจตนาซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว ในระหว่างดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโจทก์ ผู้ว่าคดีได้ยื่นฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายสามีโจทก์ในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด เช่นนี้ สิทธิของโจทก์ที่ได้ฟ้องคดีไว้แล้วย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่งศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่งศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาเนื่องจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดเดียวกัน และประเด็นการโอนคดีที่ยุติแล้ว
ภรรยาผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานฆ่าสามีตายโดยเจตนาซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว ในระหว่างดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโจทก์ ผู้ว่าคดีได้ยื่นฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายสามีโจทก์ในมูลกรณีเดียวกัน ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด เช่นนี้ สิทธิของโจทก์ที่ได้ฟ้องคดีไว้แล้วย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่ง.ศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่ง.ศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์ โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1977/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาเนื่องจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดเดียวกัน และประเด็นการโอนคดีที่ยุติแล้ว
ภรรยาผู้ตายเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานฆ่าสามีตายโดยเจตนาซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องไว้แล้ว. ในระหว่างดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโจทก์ ผู้ว่าคดีได้ยื่นฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายสามีโจทก์ในมูลกรณีเดียวกัน. ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด. เช่นนี้ สิทธิของโจทก์ที่ได้ฟ้องคดีไว้แล้วย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4).
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่ง.ศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์. โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ. โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้.
โจทก์ยื่นคำร้องขอโอนคดีจากศาลหนึ่งไปยังอีกศาลหนึ่ง.ศาลมีคำสั่งว่าไม่มีอำนาจ ให้ยกคำร้องโจทก์. โจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านอย่างใด แม้ในชั้นศาลอุทธรณ์ โจทก์ก็มิได้ยกเรื่องการโอนคดีขึ้นว่ากล่าวคัดค้าน จึงทำให้ประเด็นข้อนี้ยุติ. โจทก์จะกล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับข้อพิพาทด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความ และการพิจารณาคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียว ส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรค 2 ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลแยกพิจารณาได้ การประนีประนอมยอมความเป็นสัญญาชอบด้วยกฎหมาย
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียวส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรคสอง ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับข้อพิพาทด้วยสัญญาประนีประนอมยอมความและการพิจารณาคดีแพ่งควบคู่คดีอาญา
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลมีอำนาจที่จะแยกการพิจารณาคดีอาญาออกจากคดีแพ่ง และพิพากษาคดีอาญาไปทีเดียว. ส่วนคดีแพ่งจะพิพากษาในภายหลังก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 42 วรรคสอง. ฉะนั้นการที่โจทก์ถอนฟ้องคดีส่วนอาญาไป จึงหาทำให้คดีส่วนแพ่งระงับไปด้วยไม่.
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท. โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย. ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน. ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว. ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว. สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่. ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี. ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว. ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้.
โจทก์จำเลยได้ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงว่าจำเลยขอชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์เพียง 170,000 บาท. โดยจะชำระให้เสร็จภายใน 6 เดือนโจทก์ตกลงด้วย. ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งมีอยู่ให้เสร็จไปด้วยโจทก์จำเลยยอมผ่อนผันให้แก่กัน. ศาลชั้นต้นได้จดข้อความแห่งข้อตกลงของคู่ความดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาและคู่ความได้ลงชื่อไว้แล้ว. ข้อตกลงนั้นจึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 และ 851แล้ว. สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนี้หาจำเป็นที่ศาลจะต้องบันทึกลงไว้ในแบบพิมพ์สัญญายอมความเสมอไปไม่. ฉะนั้นเมื่อปรากฏว่าคู่ความได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดี. ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่ศาลจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว. ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาคดีไปได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแจ้งความไม่ระบุชื่อจำเลยร่วมกระทำความผิด ทำให้ขาดอายุความฟ้อง
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายไม่ได้ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดจึงไม่เป็นคำร้องทุกข์ที่ผู้เสียหายประสงค์จะให้จำเลยรับโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (7), 123
ความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีมาฟ้องร้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)
ความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีมาฟ้องร้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องอาญา: การแจ้งความไม่ระบุชื่อจำเลยร่วมกระทำความผิด ทำให้ขาดอายุความฟ้อง
คำร้องทุกข์ของผู้เสียหายไม่ได้ระบุชื่อจำเลยเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดจึงไม่เป็นคำร้องทุกข์ที่ผู้เสียหายประสงค์จะให้จำเลยรับโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7),123
ความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีมาฟ้องร้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6)
ความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษจำเลยภายในสามเดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีเป็นอันขาดอายุความ สิทธินำคดีมาฟ้องร้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(6)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายประกันผิดสัญญาประกันแม้ผู้เสียหายขอถอนฟ้อง คดีไม่ระงับ
ถึงวันนัดส่งตัวจำเลยต่อศาล นายประกันยื่นคำร้องว่า จำเลยได้ชำระเงินแก่ผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ และผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ศาลสอบโจทก์
โจทก์แถลงว่าไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ ขอสอบถามพนักงานสอบสวน ศาลสั่งนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม นายประกันแถลงว่าไม่สามารถนำตัวจำเลยส่งศาลได้ และผู้เสียหายไม่มาศาล ดังนี้ เมื่อนายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลได้ตามกำหนด ต้องถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน ส่วนคำร้องของผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์นั้นศาลยังไม่ได้สั่ง จึงต้องถือว่ายังไม่มีการขอถอนคำร้องทุกข์ที่มีผลตามกฎหมาย คดีไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 การที่ศาลจะสั่งคำร้องของผู้เสียหายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องระหว่างศาลกับผู้เสียหาย ไม่ทำให้นายประกันพ้นความรับผิด
โจทก์แถลงว่าไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่ ขอสอบถามพนักงานสอบสวน ศาลสั่งนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม นายประกันแถลงว่าไม่สามารถนำตัวจำเลยส่งศาลได้ และผู้เสียหายไม่มาศาล ดังนี้ เมื่อนายประกันไม่สามารถส่งตัวจำเลยต่อศาลได้ตามกำหนด ต้องถือว่านายประกันผิดสัญญาประกัน ส่วนคำร้องของผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์นั้นศาลยังไม่ได้สั่ง จึงต้องถือว่ายังไม่มีการขอถอนคำร้องทุกข์ที่มีผลตามกฎหมาย คดีไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 การที่ศาลจะสั่งคำร้องของผู้เสียหายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องระหว่างศาลกับผู้เสียหาย ไม่ทำให้นายประกันพ้นความรับผิด