พบผลลัพธ์ทั้งหมด 325 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในความผิดกรรมเดียว: เมื่อจำเลยถูกลงโทษแล้ว โจทก์แยกฟ้องเพิ่มเติมไม่ได้
จำเลยชกต่อยราษฎรคนหนึ่ง ตำรวจเข้าจับจำเลย ๆ ต่อตำรวจนั้น 1 ที แล้วจำเลยถูกฟ้องต่อศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายราษฎรกับตำรวจผู้นั้น และศาลทหารได้ลงโทษจำเลยแล้ว โจทก์จะแยกฟ้องจำเลยต่อศาล จังหวัดฐานต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงานอีกไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษในกรรมเดียวกันซ้ำอีก และสิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องต่อศาล ของโจทก์ก็ระงับไปแล้ว ฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในกรรมเดียว: การกระทำผิดต่อราษฎรและขัดขวางเจ้าพนักงาน แม้ต่างบทลงโทษ ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำผิดกรรมเดียว วาระเดียวกัน
จำเลยชกต่อยราษฎรคนหนึ่ง ตำรวจเข้าจับจำเลย จำเลยต่อยตำรวจนั้น 1 ที แล้วจำเลยถูกฟ้องต่อศาลทหารฐานทำร้ายร่างกายราษฎรกับตำรวจผู้นั้น และศาลทหารได้ลงโทษจำเลยแล้วโจทก์จะแยกฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานอีกไม่ได้ เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษในกรรมเดียวซ้ำอีกและสิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องต่อศาลของโจทก์ก็ระงับไปแล้ว. ฟ้องจึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาหยุดดำเนินการเมื่อจำเลยเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา
คดีอาญานั้น เมื่อจำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา คดีก็เป็นอันระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาเป็นอันระงับเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาคดี
คดีอาญานั้นเมื่อจำเลยตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีความผิดต่อส่วนตัวของผู้เสียหายทำให้สิทธิในการดำเนินคดีระงับ
อัยการและผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัว คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา เมื่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายได้ขอถอนฟ้องและขอถอนคำร้องทุกข์โดยจำเลยไม่คัดค้านแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องร้องย่อมระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนฯ มีผลแม้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยอื่น
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 9 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต นำปืนไปขอรับอนุญาตภายใน 90 วันโดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนี้ จึงต้องถือว่า ในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมยกฟ้องได้ และแม้จะอ่านคำพิพากษาศาล อุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วัน ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 766/2490) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2503)
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนใหม่มีผลถึงคดีระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 9 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต นำปืนไปขอรับอนุญาตภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษดังนี้ จึงต้องถือว่า ในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมยกฟ้องได้ และแม้จะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วัน ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 766/2490) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2503)
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยที่ยังไม่เคยถูกฟ้องในคดีการพนัน แม้จะมีจำเลยอื่นถูกฟ้องไปแล้ว ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ และจำเลยต้องพิสูจน์ตนเอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับจำเลยในคดีที่ศาลพิพากษาไปแล้ว เล่นการพนันไพ่ผ่องไทยโดยไม่ได้รับอนุญาติ ดังนี้ ถือว่า จำเลยที่โจทก์ฟ้องนี้ ยังมิได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด ประการใด เพราะจำเลยยังไม่เคยถูกฟ้อง โจกท์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยยังไม่เคยถูกฟ้อง โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยในคดีนี้ได้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยอยู่ในวงเล่นการพนันแล้ว คดีก็เข้าอยู่ในข้อสันนิษฐาน ของ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสือหักล้าง
เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยอยู่ในวงเล่นการพนันแล้ว คดีก็เข้าอยู่ในข้อสันนิษฐาน ของ พระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 6 เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสือหักล้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำหนังสือแสดงหนี้สินที่เป็นเท็จ และการถอนคำร้องทุกข์ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยาน ได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเอง หรือสั่งให้คนให้ร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการ ไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมหนังสือของผู้ใดอื่นเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485, 1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้ว เพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีก สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้ว เพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีก สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมหนังสือและการถอนฟ้องคดีอาญา การกระทำไม่ถึงขั้นปลอมแปลงเอกสาร และการถอนฟ้องแล้วสิทธิระงับ
จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยานได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเองหรือสั่งให้คนในร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมเป็นหนังสือของผู้อื่นใดเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485,1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้วเพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้วเพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)