พบผลลัพธ์ทั้งหมด 367 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บจากการใช้ปืนโดยประมาท และการครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย
จำเลยใช้อาวุธปืนตีศีรษะ ว. ได้รับบาดเจ็บ แต่ปืนลั่นกระสุนปืนถูก ด.และส. ดังนี้มิใช่ผลของการกระทำพลาดไปถูกด.และส. ตาม ป.อ. มาตรา 60 การที่กระสุนปืนลั่นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยเป็นเหตุให้ ด.ตายและส. บาดเจ็บจำเลยจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291 และ 390 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดโดยเจตนา เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกระทำโดยประมาท จึงย่อมลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทใช้ปืนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ คดีอาญาเกี่ยวกับอาวุธปืน
จำเลยใช้ด้ามปืนตีศีรษะ ว. แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปืนลั่นไปถูก ด.ตายและส. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ว. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ปืนยิงเพื่อฆ่าหรือทำร้าย ว.กรณีจึงมิใช่เป็นการที่จำเลยมีเจตนากระทำต่อ ว. แต่ผลของการกระทำเกิดแก่ ด.และส. โดยพลาด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 290,295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตามเมื่อการที่กระสุนปืนลั่นเป็นผลให้ ด.ตายและส. ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยในการใช้ปืนตี ว.จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 291,390 และถึงแม้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเช่นนี้ศาลก็ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 917/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประมาทใช้ปืนทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความผิดฐานประมาทและมีอาวุธปืน
จำเลยใช้ด้ามปืนตีศีรษะ ว. แตกเลือดไหลแล้วกระสุนปืนลั่นไปถูก ด. ตายและ ส. ได้รับบาดเจ็บ จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ว. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ปืนยิงเพื่อฆ่าหรือทำร้าย ว.กรณีจึงมิใช่เป็นการที่จำเลยมีเจตนากระทำต่อ ว. แต่ผลของการกระทำเกิดแก่ ด. และ ส. โดยพลาด จำเลยจึงไม่มีความผิดตามมาตรา 290, 295 ประกอบด้วยมาตรา 60 อย่างไรก็ตามเมื่อการที่กระสุนปืนลั่นเป็นผลให้ ด. ตายและ ส. ได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเพราะความประมาทของจำเลยในการใช้ปืนตี ว.จำเลยจึงมีความผิดตามมาตรา 291, 390 และถึงแม้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเช่นนี้ศาลก็ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสองและวรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายในคดีรถชน ทำให้ความรับผิดในความเสียหายเป็นอันพับไป
ศาลสั่งรวมพิจารณาคดีแพ่งสองสำนวนเข้าด้วยกันและพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวนเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ในสำนวนแรกยื่นฎีกาแม้ตามฎีกาของจำเลยทั้งสามจะระบุเลขคดีทั้งสองสำนวนก็ตามแต่ในช่องทุนทรัพย์ระบุทุนทรัพย์ตามสำนวนที่สองเท่านั้นคำขอท้ายฎีกาก็ขอให้จำเลยในสำนวนที่สองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยทั้งสาม ค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาก็เสียตามทุนทรัพย์ในสำนวนที่สอง ประกอบกับการที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสามก็ถือทุนทรัพย์ตามสำนวนที่สอง จึงเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามประสงค์จะฎีกาเฉพาะสำนวนที่สอง ดังนี้ เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2มิได้เป็นคู่ความในสำนวนที่สอง จึงไม่มีสิทธิฎีกา คงเป็นฎีกาเฉพาะของจำเลยที่ 3 ในฐานะที่เป็นโจทก์ในสำนวนที่สองเท่านั้น ผู้ขับรถยนต์เก๋งและรถยนต์บรรทุกต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เป็นเหตุให้รถชนกัน ความรับผิดในความเสียหายของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นอันพับ ไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตของผู้ขับแท็กซี่ที่ละเลยกระเป๋าผู้โดยสาร แสดงถึงความผิดฐานลักทรัพย์
การที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวต่างประเทศไม่เคยเดินทางมาประเทศไทย ยอมเสียเวลาและค่าใช้จ่ายติดตามหาตัวจำเลยโดยไม่ลดละ เป็นพฤติการณ์และมีเหตุผลสนับสนุนให้คดีมีน้ำหนักเชื่อได้ว่า ยังมีกระเป๋าบรรจุทรัพย์สินต่าง ๆ ของผู้เสียหายไม่ได้ขนเอาลงมาจากรถของจำเลยในวันเกิดเหตุจริง
จำเลยมีอาชีพขับขี่รถรับจ้างพาผู้เสียหายไปส่งจุดหมายปลายทางโดยมีกระเป๋าของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เอาลงมาจากรถวางไว้ข้างตัวจำเลยจำเลยย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่ามิใช่ของจำเลย จำเลยได้ยินเสียงผู้เสียหายเรียกให้หยุดกลับไม่หยุดและขับรถออกไปโดยเร็วเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเอากระเป๋าของผู้เสียหายไว้เป็นของตนโดยทุจริต.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยมีอาชีพขับขี่รถรับจ้างพาผู้เสียหายไปส่งจุดหมายปลายทางโดยมีกระเป๋าของผู้เสียหายที่ยังไม่ได้เอาลงมาจากรถวางไว้ข้างตัวจำเลยจำเลยย่อมจะต้องรู้อยู่แล้วว่ามิใช่ของจำเลย จำเลยได้ยินเสียงผู้เสียหายเรียกให้หยุดกลับไม่หยุดและขับรถออกไปโดยเร็วเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะเอากระเป๋าของผู้เสียหายไว้เป็นของตนโดยทุจริต.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การร้องต่อศาลอุทธรณ์โดยตรงและการส่งสำเนาอุทธรณ์ให้คู่ความ
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้สำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นย่อมถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นทำแทนฉะนั้น เมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้น ที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ก็ได้ หากศาลอุทธรณ์ไม่พอใจคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์สั่งว่ากรณีดังกล่าวจะยื่นคำร้องโดยตรงไปยังศาลอุทธรณ์ไม่ได้ จึงมิชอบ โจทก์เป็นคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จำเลยร้องคัดค้านผู้พิพากษาโดยตรง ศาลชอบที่จะมีคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ และการร้องต่อศาลอุทธรณ์เมื่อไม่พอใจคำสั่ง
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นทำแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พอใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นก็ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจศาลอุทธรณ์.(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่1184/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์และการร้องต่อศาลอุทธรณ์เมื่อไม่พอใจคำสั่ง
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์แล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นทำแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์ ก็ชอบที่จะร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พอใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นก็ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจศาลอุทธรณ์.(อ้างคำพิพากษาศาลฎีกาที่1184/2495)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดค่าเสียหายจากค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในกรณีที่รายละเอียดการคิดค่าใช้จ่ายไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจกำหนดตามควรได้
ค่าใช้จ่ายในโรงงานที่เรียกว่า ค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในการซ่อมแซมรถจักรดีเซลและรถพ่วง แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนชนิดหนึ่งและเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงคิดจากผลงานที่ได้รับ ซึ่งหากไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวก็ไม่สามารถทำงานสำเร็จไปได้ก็ตาม แต่เมื่อไม่ปรากฏรายละเอียดว่า โจทก์คิดค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในแต่ละรายการอย่างใดเพียงใด และมีความจำเป็นเพียงใดที่โจทก์จำเป็นจะต้องใช้จ่ายในแต่ละรายการ โจทก์คงอ้างแต่เพียงบัญชีรายละเอียดของค่าโอเวอร์เฮดชาร์จโดยคิดเป็นอัตราร้อยละเท่านั้น และแม้จำเลยทั้งสองจะไม่นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นก็ตามแต่โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่โจทก์อ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนแน่นอนได้ ศาลจึงมีอำนาจกำหนดให้ตามควรได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถไฟ: การกำหนดจำนวนค่าโอเวอร์เฮดชาร์จที่เหมาะสมเมื่อรายละเอียดไม่ชัดเจน
ค่าใช้จ่ายในโรงงานที่เรียกว่า ค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในการซ่อมแซมรถจักรดีเซล และรถพ่วง แม้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนชนิดหนึ่งและเป็นค่าใช้จ่ายโดยตรงคิดจากผลงานที่ได้รับ ซึ่งหากไม่มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวก็ไม่สามารถทำงานสำเร็จไปได้ก็ตามแต่เมื่อไม่ปรากฏรายละเอียดว่า โจทก์คิดค่าโอเวอร์เฮดชาร์จในแต่ละรายการอย่างใดเพียงใด และมีความจำเป็นเพียงใดที่โจทก์จำเป็นจะต้องใช้จ่ายในแต่ละรายการ โจทก์คงอ้างแต่เพียงบัญชีรายละเอียดของค่าโอเวอร์เฮดชาร์จโดยคิดเป็นอัตราร้อยละเท่านั้นและแม้จำเลยทั้งสองจะไม่นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นก็ตาม แต่โจทก์ก็มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามที่โจทก์อ้าง เมื่อโจทก์ไม่สามารถนำสืบค่าเสียหายในส่วนนี้เป็นจำนวนแน่นอนได้ ศาลจึงมีอำนาจกำหนดให้ตามควรได้.