พบผลลัพธ์ทั้งหมด 367 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744-1746/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่าย (รถบรรทุกลากจูงและรถโดยสาร) และการร่วมรับผิดต่อผู้โดยสาร
จำเลยที่ 1 ขับรถโดยสารด้วยความเร็วสูงแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นไปชนรถท้ายรถบรรทุกลากจูงที่จำเลยที่ 4 เป็นผู้ควบคุมและจอดล้ำออกมาโดยไม่ได้เปิดไฟ ย่อมเป็นความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดระหว่างฝ่ายรถลากจูงและรถโดยสารจึงเป็นพับกันไป แต่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ซึ่งโดยสารมาในรถประจำทาง เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องฝ่ายรถลากจูงให้ร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน และมิได้ฎีกาขอให้กำหนดค่าสินไหมทดแทนสูงขึ้นฝ่ายรถโดยสารควรรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์กึ่งหนึ่งของที่ศาลอุทธรณ์กำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดเว้นการใช้หนี้เช็คและสิทธิไล่เบี้ยของผู้รับเช็ค
ปรากฏว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองที่ธนาคารตามเช็คถูกปิดแล้วตั้งแต่ก่อนเช็คตามฟ้องถึงกำหนดแสดงว่าธนาคารตามเช็คได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยทั้งสองแล้วตามป.พ.พ.มาตรา959ข)(2)ประกอบมาตรา989โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารใช้เงินเสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับชำระหนี้ตามเช็ค แม้บัญชีผู้สั่งจ่ายปิดก่อนเช็คถึงกำหนด
ปรากฏว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองที่ธนาคารตามเช็คถูกปิดแล้วตั้งแต่ก่อนเช็คตามฟ้องถึงกำหนด แสดงว่าธนาคารตามเช็คได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยทั้งสองแล้ว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 959 ข)(2)ประกอบมาตรา 989 โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ย เอาจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารใช้เงินเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1494/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับชำระหนี้ตามเช็คแม้ธนาคารปฏิเสธจ่ายเงินเนื่องจากบัญชีปิด
ปรากฏว่าบัญชีเงินฝากของจำเลยทั้งสองที่ธนาคารตามเช็คถูกปิดแล้วตั้งแต่ก่อนเช็คตามฟ้องถึงกำหนดแสดงว่าธนาคารตามเช็คได้งดเว้นการใช้หนี้ตามเช็คของจำเลยทั้งสองแล้วตามป.พ.พ.มาตรา959ข)(2)ประกอบมาตรา989โจทก์จึงมีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้โดยไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารใช้เงินเสียก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมหลังกำหนด & ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแต่ก็อนุญาตให้จำเลยนำพยานที่ได้อ้างไว้ตามบัญชีระบุพยานที่ยื่นต่อศาลไว้โดยถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคแรก เข้าสืบ ส่วนพยานที่อ้างไว้ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมที่ยื่นต่อศาลโดยฝ่าฝืนต่อ มาตรา 88 วรรคสองไม่อนุญาตให้จำเลยนำเข้าสืบโดยอ้างเหตุผลแห่งการไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตามเหตุผลที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม ดังนี้ ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีขาดนัดพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาคดีโดยขาดนัด แต่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยพยานหลักฐานจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้ จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลเมื่อล่วงเลยระยะเวลาตามมาตรา 88 วรรคสองแล้ว โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการที่ไม่อาจยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมภายในระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม จึงชอบที่จะไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมหลังขาดนัดพิจารณา และการยื่นบัญชีระบุพยานเกินกำหนด
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา แต่ก็อนุญาตให้จำเลยนำพยานที่ได้อ้างอิงไว้ตามบัญชีระบุพยานที่ยื่นต่อศาลไว้โดยถูกต้องตามมาตรา 88 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเข้าสืบ ส่วนพยานที่อ้างอิงไว้ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมที่ยื่นต่อศาลโดยฝ่าฝืนต่อมาตรา 88 วรรคสอง ไม่อนุญาตให้จำเลยนำเข้าสืบ โดยอ้างเหตุผลแห่งการไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตามเหตุผมที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม ดังนี้ ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างคดีขาดนัดพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาคดีโดยขาดนัด การที่อนุญาตให้จำเลยนำพยานบางปากเข้าสืบก็ดี และการที่ไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมตลอดจนไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานที่อ้างอิงไว้ ตามบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวเข้าสืบก็ดี ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยพยานหลักฐานจำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลเมื่อล่วงเลยระยะเวลาตามมาตรา 88 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการที่ไม่อาจยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมภายในระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม จึงชอบที่จะไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ของจำเลย
จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลเมื่อล่วงเลยระยะเวลาตามมาตรา 88 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว โดยมิได้อ้างเหตุแห่งการที่ไม่อาจยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมภายในระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 88 วรรคสาม จึงชอบที่จะไม่รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิคัดค้านการรังวัดที่ดิน: การคัดค้านโดยมีเหตุผลสมควร ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านการรังวัดสอบเขตเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินงดการรังวัด การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดและทำให้โจทก์เสียหาย เช่นนี้ การคัดค้านรังวัดที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ข้างเคียงนั้น เป็นสิทธิที่อาจคัดค้าน ได้หากมีเหตุผลตามสมควรที่จะคิดว่าแนวเขตที่รังวัดไม่ถูกต้อง การคัดค้านของจำเลยเพียงเท่านี้จึงยังไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อันจะมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยได้ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว
(อ้างฎีกาคำพิพากษาฎีกาที่ 1618/2512)
(อ้างฎีกาคำพิพากษาฎีกาที่ 1618/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคัดค้านรังวัดที่ดิน: สิทธิที่ชอบธรรมหากมีเหตุผลสมควร ไม่ถือเป็นการละเมิด
การคัดค้านรังวัดที่ดินของจำเลยเจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นสิทธิที่อาจคัดค้านได้หากมีเหตุผลตามสมควรที่จะคิดว่าแนวเขตที่รังวัดไม่ถูกต้องยังไม่เป็นการละเมิดสิทธิอันโจทก์จะมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยคัดค้านการที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ได้ โจทก์เสียหายเกี่ยวกับตัวที่ดินนั้นโดยตรงอย่างไร ก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาได้เท่านั้น กรณีจะเป็นการละเมิดได้จะต้องเป็นการแกล้งโดยจำเลยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่โจทก์ถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้จำเลยจะเห็นว่าโจทก์จะได้รับความเสียหายบ้าง ก็ไม่เป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญาโดยไม่ได้เป็นตัวแทนที่ถูกต้อง และผลผูกพันตามสัญญาที่แสดงเจตนา
จำเลยเป็นลูกจ้าง ม. ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขา ม.ต้องการใช้เงินแต่ไม่สามารถกู้เงินในนามตนเองได้จึงทำให้จำเลยทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและออกตั๋วสัญญาใช้เงินไว้กับธนาคารโจทก์ เงินที่ได้รับมา ม.จะรับเงินนั้นไปเป็นประโยชน์เฉพาะตัวทั้งหมดโดยในใจจริงของจำเลยถือว่าทำนิติกรรมพิพาทแทน ม. โดยไม่มีเจตนาให้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ก็ตาม แต่ ม. ในฐานะผู้จัดการสาขาของโจทก์ไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 ความรู้ของ ม.จะถือเป็นความรู้ของโจทก์ด้วยไม่ได้ จำเลยต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาออกมาตาม มาตรา 117 จำเลยต้องชำระเงินตาม สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1437/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญาโดยไม่มีอำนาจเป็นตัวแทน และผลผูกพันตามเจตนาที่แสดงออก
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของ ม. ซึ่งเป็นผู้จัดการธนาคารโจทก์ สาขาบางแค ม. ต้องการใช้เงินแต่ไม่สามารถกู้เงินในนามตนเองได้ จึงให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีและออกตั๋วสัญญาใช้เงินไว้กับธนาคารโจทก์ สาขาบางแค ให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อรับรองเป็นอาวัลในตั๋วสัญญาใช้เงิน โดย ม. กับจำเลยตกลงกันไว้ว่า จำเลยกระทำแทน ม. เท่านั้น เงินที่ได้รับมาจากโจทก์ ม. จะรับเงินนั้นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวทั้งหมด โดยในใจจริงของจำเลยถือว่า ทำนิติกรรมพิพาทแทน ม. โดยไม่มีเจตนาให้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ก็ตาม แต่ ม.ในฐานะผู้จัดการสาขาของโจทก์ไม่มีอำนาจเป็นผู้แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 แม้ ม. จะรู้เห็นด้วยแต่จะถือว่าโจทก์รู้เห็นในเจตนาดังกล่าวด้วยไม่ได้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันตามที่ได้แสดงเจตนาออกมาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 117 และต้องร่วมรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามฟ้อง