คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เฉลิม การปลื้มจิตต์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 367 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: การปฏิเสธคำขอให้งด/ยกเลิกการขายเมื่อราคาไม่ต่ำกว่าความเป็นจริงและไม่มีพฤติการณ์สมรู้กัน
เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไม่ได้ทำการ ฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษา และมีบุคคลภายนอก เข้าสู้ราคาโดยชอบ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้สู้ราคาสูงกว่า ราคาที่ประเมินไว้ก็รายงานต่อศาลเพื่อพิจารณาว่าสมควรตกลงขายให้ ผู้สู้ราคาสูงสุดหรือไม่ เมื่อไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูล ซื้อทรัพย์เป็นการสมรู้กันกดราคาต่อ ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่ ผู้สู้ราคาสูงสุด ต้องถือว่าการขายทอดตลาดสมบูรณ์แล้วจำเลยจะขอให้งด การขายหรือยกเลิกการขายหรือรื้อฟื้นให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ โดยแสดงราคาประเมินทรัพย์ที่ขายทอดตลาดของทางราชการว่ามีราคาสูงกว่า ราคาที่ขายทอดตลาดหรือแสดงบันทึกคำมั่นของผู้มีชื่อว่าจะซื้อในราคา ที่สูงกว่าราคาที่ขายทอดตลาดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1309/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: การคัดค้านราคาต่ำต้องแสดงหลักฐานราคาที่แท้จริงและผู้เสนอซื้อจริง
เจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยไม่ได้ทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษา และมีบุคคลภายนอกเข้าสู้ราคาโดยชอบ เจ้าพนักงานบังคับคดีเห็นว่ามีผู้สู้ราคาสูงกว่าราคาที่ประเมินไว้ก็รายงานต่อศาลเพื่อพิจารณาว่าสมควรตกลงขายให้ผู้สู้ราคาสูงสุดหรือไม่เมื่อไม่มีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าการประมูลซื้อทรัพย์เป็นการสมรู้กันกดราคาซื้อ ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ขายแก่ผู้สู้ราคาสูงสุด ต้องถือว่าการขายทอดตลาดสมบูรณ์แล้วจำเลยจะขอให้งดการขายหรือยกเลิกการขายหรือรื้อฟื้นให้ศาลสั่งขายทอดตลาดใหม่ โดยแสดงราคาประเมินทรัพย์ที่ขายทอดตลาดของทางราชการว่ามีราคาสูงกว่าราคาที่ขายทอดตลาด หรือแสดงบันทึกคำมั่นของผู้มีชื่อว่าจะซื้อในราคาที่สูงกว่าราคาที่ขายทอดตลาดไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และประเด็นอำนาจฟ้องที่ยุติแล้ว
เดิม อ.และพ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ การรับผิดในหนี้เดิมและหนี้ใหม่
เดิม อ.และพ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้ เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกาถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ และอำนาจฟ้องคดี
เดิม อ. และ พ. เป็นหนี้โจทก์ตามเช็คและสัญญากู้ยืมเงินการที่จำเลยทั้งสองยอมรับผิดในหนี้ดังกล่าวโดยทำเป็นสัญญากู้ยืมเงินกับโจทก์เป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ จำเลยทั้งสองต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ยืมต่อโจทก์ จะอ้างว่าจำเลยทั้งสองไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้เพื่อปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามสัญญากู้ไม่ได้
เดิมศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเนื่องจากฟ้องคดีโดยไม่ได้รับความยินยอมจากภรรยา โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทข้ออื่นแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะจำเลยไม่เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ชั้นฎีกา ถือได้ว่าจำเลยไม่ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จำเลยไม่อาจฎีกาในข้อนี้อีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียง/แต่งฟ้องฎีกาโดยผู้ไม่ได้เป็นทนายความเป็นการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณา
การที่ผู้ซึ่งมิได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 และมิได้เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามบทกฎหมายดังกล่าว เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลย นั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจาก การกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียงฟ้องฎีกาโดยผู้มิได้เป็นทนายความ ทำให้ฎีกาไม่ชอบ ศาลไม่อาจรับพิจารณา
การที่ผู้ซึ่งมิได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 และมิได้เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามบทกฎหมายดังกล่าว เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เรียง/แต่งฎีกาไม่ได้เป็นทนายความ
การที่ผู้ซึ่งมิได้จดทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นทนายความตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 และมิได้เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในข้อยกเว้นตามบทกฎหมายดังกล่าว เรียงหรือแต่งฟ้องฎีกาให้จำเลยนั้น เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาซึ่งเกิดจากการกระทำอันไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่อาจรับพิจารณาให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยผิดกฎหมาย สัญญาจำนอง และอำนาจฟ้องบังคับจำนอง
โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อปีซึ่งเกินอัตราดอกเบี้ยตามป.พ.พ. มาตรา 654 และเป็นความผิดต่อ พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ฯ ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธินำเงินดอกเบี้ยที่ชำระเกินไปหักเงินต้นให้ลดน้อยลงได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 407
การจำนองมิได้กำหนดระยะเวลาไว้ เมื่อโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง และมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันที่จำเลยผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 224.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย สัญญาเป็นโมฆะ ศาลแก้ไขดอกเบี้ยเป็นอัตราตามกฎหมาย
โจทก์คิดดอกเบี้ยร้อยละ 60 ต่อปีซึ่งเกินอัตราดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 และเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยเป็นโมฆะ จำเลยไม่มีสิทธินำเงินดอกเบี้ยที่ชำระแล้วไปหักเงินต้นให้ลดน้อยลงได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 407 การจำนองมิได้กำหนดระยะเวลาไว้ เมื่อโจทก์บอกกล่าวบังคับ จำนองแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้อง และมีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันที่จำเลยผิดนัดในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
of 37