คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย เปล่งวิทยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าเพื่อชิงทรัพย์: การใช้บท 289(7) ยิ่งกว่า 339 วรรคท้าย
จำเลยที่ 1 ใช้ปืนยิง และจำเลยที่ 2 ใช้มีดฟัน ม.ผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วเอาเงินสดจากตัวผู้ตายพากันหลบหนีไป แม้จำเลยทั้งสองจะกระทำไปโดยประสงค์จะชิงทรัพย์ของผู้ตายก็ตามแต่ในขณะเดียวกันจำเลยทั้งสองก็มีเจตนาฆ่าผู้ตายด้วย จึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยทั้งสองได้กระทำการชิงทรัพย์ เพื่อปกปิดความผิดฐานชิงทรัพย์ที่จำเลยทั้งสองได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (7) อีกบทหนึ่งและต้องใช้กฎหมายบทนี้ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยทั้งสองตามมาตรา 90.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเกี่ยวกับตัวทรัพย์: การขออายัดทรัพย์พิพาทก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองสิทธิจากสัญญาจะซื้อจะขาย
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เข้าไปจัดการทรัพย์พิพาท ที่ดิน ตึก อาคารพาณิชย์ และโรงแรมตามสัญญาจะซื้อจะขายที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ทั้งเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ถือว่าเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวกับตัวทรัพย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์พิพาทไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายัดทรัพย์พิพาทก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองสิทธิจากสัญญาจะซื้อจะขาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เข้าไปจัดการทรัพย์พิพาท ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่จำเลยทำไว้กับโจทก์และเรียกค่าเสียหาย เป็นคำฟ้องเกี่ยวกับตัวทรัพย์ หากจำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้ผู้อื่นก่อนศาลพิพากษา โจทก์ย่อมไม่สามารถเข้าจัดการให้เป็นไปตามความประสงค์ที่ระบุไว้ในสัญญา และอาจไม่ได้รับชำระค่าเสียหาย โจทก์จึงขออายัดทรัพย์พิพาทไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องร้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ไม่ขยายผลถึงวรรคแรก การลงโทษชอบด้วยกฎหมาย
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสามซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528มาตรา 6 นั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายขยายความในมาตรา 69 วรรคสองซึ่งเป็นเรื่องของการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มิได้ประสงค์ให้ใช้กับมาตรา69 วรรคแรกซึ่งเป็นเรื่องมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ไม่ขยายถึงวรรคแรก โทษการครอบครองต้องไม่สูงกว่าการจำหน่าย
ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 กฎหมายกำหนดโทษไว้ตามลำดับความร้ายแรงแห่งการกระทำผิดคือถ้า ผู้ใดมียาเสพติดไว้ในครอบครองก็จะมีความผิดตามวรรคแรก ถ้า เป็นการจำหน่ายหรือมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก็จะเป็นความผิดตามมาตรา69 วรรคสอง สำหรับความในมาตรา 69 วรรคสามซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 6 ให้ขยายไปใช้กับความผิดตามวรรคสองเท่านั้น กฎหมายมิได้บัญญัติให้ขยายไปถึงความในวรรคแรกด้วย เพราะมิฉะนั้นจะทำให้การมียาเสพติดไว้ในครอบครองเป็นความผิดที่มีโทษสูงกว่าการมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการใช้มาตรา 69 วรรคสาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ แก้ไขเพิ่มเติม มิได้ขยายถึงวรรคแรก
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 69 วรรคสาม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 6 นั้น เป็นการบัญญัติกฎหมายขยายความในมาตรา 69 วรรคสอง ซึ่งเป็นเรื่องของการจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 2 มิได้ประสงค์ให้ใช้กับมาตรา69 วรรคแรกซึ่งเป็นเรื่องมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ใช้จ้างให้บรรทุกน้ำหนักเกินและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามคำสั่งศาล
จำเลยที่ 2 ใช้ให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดิน บนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงอันเป็นทางสัญจรไปมาของประชาชนมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติ ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2 ก็หลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาทั้ง ๆ ที่ได้ทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลว่าจะปฏิบัติตามนัด จนศาลต้องสั่งปรับจำเลยที่ 2 จำเลยเป็นคนมีความรู้เป็นนิติศาสตร์บัณฑิต และกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา แต่มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวม จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 2.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาพักการลงโทษจำคุกสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำและหลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรม
จำเลยขอรอการลงโทษ โดยอ้างว่าเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตและกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หากต้องรับโทษจำคุกจะเป็นการตัดอนาคตในการรับราชการโดยเฉพาะในสถาบันที่ทรงความยุติธรรมที่จำเลยใฝ่ ฝันนั้น ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่า ได้ทำสัญญาประกันตนเองไว้ต่อศาลชั้นต้น แล้วหลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามหมายเรียกจนกระทั่งศาลชั้นต้นต้องสั่งปรับตามสัญญาประกันและออกหมายจับ เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยและออกหมายจับมารับโทษตามคำพิพากษาไว้จนจำเลยอื่นรับโทษจำคุกและพ้นโทษไปแล้วก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ทั้งจำเลยได้ใช้ให้บุคคลอื่นกระทำความผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดินบนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงแผ่นดินและมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติจำเลยเป็นคนมีความรู้ แต่ก็มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวมดังกล่าว จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำหนักบรรทุกเกินอัตรา และพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการรับโทษ
จำเลยขอรอการลงโทษ โดยอ้างว่าเป็นนิติศาสตร์บัณฑิตและกำลังศึกษาอยู่ในสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา หากต้องรับโทษจำคุกจะเป็นการตัดอนาคตในการรับราชการโดยเฉพาะในสถาบันที่ทรงความยุติธรรมที่จำเลยใฝ่ฝันนั้น ปรากฏพฤติการณ์ของจำเลยว่า ได้ทำสัญญาประกันตนเองไว้ต่อศาลชั้นต้น แล้วหลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามหมายเรียกจนกระทั่งศาลชั้นต้นต้องสั่งปรับตามสัญญาประกันและออกหมายจับ เมื่ออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังจำเลยและออกหมายจับมารับโทษตามคำพิพากษาไว้จนจำเลยอื่นรับโทษจำคุกและพ้นโทษไปแล้วก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาศาล ทั้งจำเลยได้ใช้ให้บุคคลอื่นกระทำความผิดด้วยการนำรถยนต์บรรทุกซึ่งมีน้ำหนักรถยนต์และน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่าที่ทางการกำหนดถึง 6,100 กิโลกรัม มาเดินบนทางหลวงแผ่นดิน เป็นการทำความเสียหายแก่ทางหลวงแผ่นดินและมีผลเป็นการทำลายเศรษฐกิจของชาติจำเลยเป็นคนมีความรู้ แต่ก็มิได้คำนึงถึงความสูญเสียของส่วนรวมดังกล่าว จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณา และความรับผิดของเสมียนทนายในการจดวันนัด
วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและเสมียนทนายได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ไว้แล้ว หากเสมียนทนายจะจดวันนัดผิดพลาดก็เป็นเรื่องของโจทก์เองการสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 มิได้สั่งไปโดยผิดหลง และมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ผิดระเบียบ โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนไม่ได้.
of 33