คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย เปล่งวิทยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณา และความรับผิดของเสมียนทนายในการจดวันนัด
วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและเสมียนทนายได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ไว้แล้ว หากเสมียนทนายจะจดวันนัดผิดพลาดก็เป็นเรื่องของโจทก์เองการสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 มิได้สั่งไปโดยผิดหลง และมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ผิดระเบียบ โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดีและการคิดดอกเบี้ยหลังบอกเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี
ศาลให้โอกาสจำเลยเลื่อนสืบ ส. พยานจำเลยปากสุดท้ายมา 2 นัด นัดแรกที่ขอเลื่อนจำเลยแถลงรับรองว่าถ้าไม่ได้พยานปากนี้มาสืบก็ให้ศาลตัดพยานปากนี้ได้ ถึงวันนัด ส.ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยเลื่อนสืบพยานปากนี้ต่อไปอีกในนัดที่สามจำเลยบอก ส.ว่าไม่ต้องมาเบิกความที่ศาลโดยอ้างว่ากำลังเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับโจทก์ ก็ปรากฏว่า การลดดอกเบี้ยนี้ต้องให้กรรมการของโจทก์พิจารณาเสียก่อน และมีผลเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะไม่นำพยานมาสืบ และมีพฤติการณ์ส่อไปในทางที่จะประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไปได้
จำเลยมีหนังสือนัดหมายโจทก์ไปทำการไถ่ถอนจำนองและรับชำระหนี้จากจำเลยที่สำนักงานที่ดิน โดยจำเลยจะขอชำระหนี้ให้โจทก์เพียงบางส่วน ไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่จะต้องชำระให้โจทก์ โจทก์ย่อมปฏิเสธที่จะไม่รับชำระหนี้ดังกล่าวได้ การที่โจทก์ไม่รับชำระหนี้และไปไถ่ถอนจำนองให้ จะถือว่าโจทก์ผิดนัดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประวิงคดี, การบอกเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี, สิทธิคิดดอกเบี้ยหลังบอกเลิกสัญญา, การชำระหนี้ไม่ครบถ้วน
ศาลชั้นต้นได้ให้โอกาสจำเลยเลื่อนสืบ ส. พยานจำเลยมา 2 นัดแล้ว นัดแรกที่ขอเลื่อนจำเลยแถลงรับรองว่าถ้า ไม่ได้พยานปากนี้มาสืบก็ให้ศาลตัดพยานปากนี้ได้ ในนัดที่สามจำเลยควรนำ ส. มาสืบให้ได้ จำเลยกลับบอก ส. ให้ระงับไม่ต้องมาศาล ที่จำเลยอ้างว่ากำลังเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับโจทก์อยู่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องให้กรรมการของโจทก์พิจารณาเสียก่อนและมีผลเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น พฤติการณ์จำเลยส่อไปในทางที่จะประวิงคดีให้ชักช้า ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปสืบ ส. และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป จึงชอบแล้ว จำเลยมีหนังสือนัดหมายโจทก์ขอปฏิบัติการชำระหนี้ แต่หนี้ที่ระบุในหนังสือดังกล่าวไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่จะต้องชำระให้โจทก์โจทก์ย่อมปฏิเสธที่จะไม่รับชำระหนี้ได้และไม่ถือว่าโจทก์ตก เป็นผู้ผิดนัด จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ย ขอให้ยกฟ้องส่วนที่เป็นดอกเบี้ย จำเลยต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาตามจำนวนทุนทรัพย์เฉพาะส่วนที่เป็นดอกเบี้ยเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: ผู้ครองครองทรัพย์มรดกเหมาะสมเป็นผู้จัดการมรดกมากกว่าบุตรนอกกฎหมายที่ไม่ครอบครอง
ผู้ร้องเป็นภริยาที่มิได้จดทะเบียนสมรสกับผู้ตาย แต่เป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดก ส่วนผู้คัดค้านเป็นบุตรนอกกฎหมายที่ผู้ตายได้รับรองแล้วแต่มิได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับผู้ร้อง ถ้าให้ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันแล้วมีปัญหาขัดแย้งก็จะไม่อาจถือเอาเสียงข้างมากในการทำหน้าที่ของผู้จัดการมรดกได้ ดังนั้น การให้ผู้ร้องซึ่งครอบครองทรัพย์มรดกเป็นผู้จัดการมรดกแต่เพียงฝ่ายเดียวจึงเหมาะสมกว่า.(ที่มา-เนติ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้ร่วมกระทำผิดฐานลักทรัพย์และทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันลักน้ำมันที่ปั๊มผู้เสียหายโดยใช้สายไฟต่อขั้วแบตเตอรี่กับเครื่องปั๊มดูดน้ำมันจากถังใต้ดินมาใส่ถังในรถยนต์ เมื่อดูดน้ำมันได้ 4 ถังแล้วจำเลยที่ 2 ดึงสายไฟจากขั้วแบตเตอรี่ให้ปั๊มติ๊กหยุดทำงานเพื่อจะเปลี่ยนสายยางไปใส่ถังที่ 5 ทำให้เกิดประกายไฟเป็นเหตุให้เพลิงไหม้ดังนี้พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมาลักทรัพย์โดยวิธีการเช่นนี้ทำให้เกิดไอระเหยของน้ำมันกระจายอยู่ในบริเวณนั้นง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท เพราะแบตเตอรี่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำมันเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย เมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้นเนื่องจากวิธีการในการลักทรัพย์ของจำเลยทั้งสองซึ่งกระทำด้วยความประมาท ต้องถือว่าเป็นผลอันเกิดจากการกระทำของจำเลยทุกคนที่ร่วมกันลักทรัพย์ ดังนั้นแม้จำเลยที่ 3 จะมิได้เป็นผู้ถอดสายไฟจากขั้วแบตเตอรี่ก็ต้องฟังว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำด้วย จำเลยที่ 3 จึงต้องมีความผิดฐานทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท.(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2530)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาฐานประมาทเลินเล่อจากการลักทรัพย์และการก่อเพลิงไหม้ร่วมกัน
ในการลักทรัพย์เอาน้ำมันเบนซิน จำเลยที่ 2 และที่ 3 เตรียมถังใส่น้ำมันมาหลายใบ เมื่อดูด น้ำมันเต็ม ถังหนึ่งแล้วจะต้องเปลี่ยนสายยางไปใส่ถังใหม่ ในการเปลี่ยนสายยางต้องถอด สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่ ที่ต่อระหว่างปั้ม น้ำมันกับแบตเตอรี่ ขณะเกิดเหตุดูดน้ำมันได้ 4 ถังแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดึง สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่เพื่อจะเปลี่ยนยางไปใส่ถังที่ 5 ก็เกิดประกายไฟขึ้นเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ขณะนั้นจำเลยที่ 3 กำลังชะโงกหน้าเข้าไปดู น้ำมันในถังที่อยู่ในรถว่าเต็ม ถังหรือยังเช่นนี้แม้จำเลยที่ 3 จะมิได้เป็นคนถอดสายไฟแต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่3 กับจำเลยที่ 2 ร่วมกันมาลักทรัพย์ด้วยวิธีดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทที่จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำด้วย เพราะแบตเตอรี่ เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำมันเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย ทั้งวิธีการลักน้ำมันของจำเลยทั้งสองทำให้เกิดไอระเหย ของน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไป เป็นการง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาจากการลักทรัพย์โดยประมาท และการกระทำที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้
ในการลักทรัพย์เอาน้ำมันเบนซิน จำเลยที่ 2 และที่ 3 เตรียมถังใส่น้ำมันมาหลายใบ เมื่อดูด น้ำมันเต็ม ถังหนึ่งแล้วจะต้องเปลี่ยนสายยางไปใส่ถังใหม่ ในการเปลี่ยนสายยางต้องถอด สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่ ที่ต่อระหว่างปั้ม น้ำมันกับแบตเตอรี่ ขณะเกิดเหตุดูด น้ำมันได้ 4 ถังแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ดึง สายไฟออกจากขั้วแบตเตอรี่ เพื่อจะเปลี่ยนยางไปใส่ถังที่ 5 ก็เกิดประกายไฟขึ้นเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ ขณะนั้นจำเลยที่ 3 กำลังชะโงกหน้าเข้าไปดู น้ำมันในถังที่อยู่ในรถว่าเต็ม ถังหรือยังเช่นนี้แม้จำเลยที่ 3จะมิได้เป็นคนถอด สายไฟ แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 3 กับจำเลยที่ 2ร่วมกันลักทรัพย์ด้วยวิธีดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทที่จำเลยที่ 3 ได้ร่วมกระทำด้วย เพราะแบตเตอรี่ เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและน้ำมันเป็นวัตถุที่ติดไฟได้ง่าย ทั้งวิธีการลักน้ำมันของจำเลยทั้งสองทำให้เกิดไอระเหย ของน้ำมันกระจายอยู่ทั่วไปเป็นการง่ายต่อการเกิดเพลิงไหม้ การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจการอนุญาต/ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรต้องเป็นไปตามกฎหมาย และโจทก์ต้องระบุเหตุที่คำสั่งนั้นขัดต่อกฎหมาย
อำนาจที่จะพิจารณาสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาเพียงใด เป็นอำนาจโดยเฉพาะของกรมตำรวจจำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 35 โจทก์ขอให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่อนุญาตให้โจทก์อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปอีกโดยอ้างว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ในคำฟ้องไม่ได้ความว่าฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใด ดังนี้ถือไม่ได้ว่าคำสั่งของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลไม่อาจพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสั่งไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร และการพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
อำนาจที่จะพิจารณาสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นระยะเวลาเพียงใด เป็นอำนาจโดยเฉพาะของกรมตำรวจตาม พ.ร.บ. คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 35 โจทก์อ้างว่าคำสั่งของกรมตำรวจจำเลยที่ 2 ที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลเพิกถอน แต่คำฟ้องโจทก์ไม่ได้ความว่าคำสั่งดังกล่าวฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายใด ศาลไม่อาจพิพากษาเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดิน: การรับฟังพยานหลักฐานการชำระเงินมัดจำและการไม่ยกประเด็นข้อกฎหมายใหม่ในชั้นฎีกา
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่ระบุว่า ได้มีการชำระเงินค่าที่ดินกันบางส่วนนั้น แม้จะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ก็รับฟังว่ามีการรับเงินดังกล่าวได้ เพราะหนังสือสัญญาดังกล่าวไม่ใช่ใบรับตาม ป. รัษฎากร
ปัญหาว่าเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ในเขตโครงการจัดรูปที่ดินตาม พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ฯ จะสามารถทำนิติกรรมโอนขายที่ดินนั้นให้กับบุคคลอื่นได้หรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แต่ถ้าข้อกฎหมายดังกล่าวไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกามีดุลพินิจที่จะไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้ได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา142(5).(ที่มา-ส่งเสริม)
of 33