คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย เปล่งวิทยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวในการบุกรุกและขู่เข็ญ: การกระทำมีเจตนาขับไล่เป็นสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกและฐานทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวโดยการขู่เข็ญ คดีได้ความว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปขับไล่ ให้ผู้เสียหายออกไปเสียจากขนำของผู้เสียหายครั้นผู้เสียหายขัดขืน จำเลยจึงใช้ปืนที่ติดตัวไปยิงขู่จนผู้เสียหายตกใจกลัวออกไปจากขนำ การกระทำของจำเลยมีเจตนาขู่เข็ญเพื่อขับไล่ผู้เสียหายให้ออกไป จากขนำเป็นข้อสำคัญ จึงเป็นความผิดกรรมเดียว อันเป็นความผิด ต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3751/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสิทธิการเช่าช่วงของจำเลย แสดงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
การที่จำเลยให้การว่า เมื่อน้าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าช่วงบ้านพิพาทเช่นที่เคยปฏิบัติมาเมื่อครั้งน้าโจทก์ให้จำเลยเช่า โดยเสียค่าเช่าให้โจทก์ เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าของโจทก์ และแสดงว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3751/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสิทธิการเช่าช่วงของจำเลย ย่อมแสดงว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่ได้
การที่จำเลยให้การว่า เมื่อน้าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมถึงแก่กรรมแล้วโจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าช่วงบ้านพิพาทเช่นที่เคยปฏิบัติมาเมื่อครั้งน้าโจทก์ให้จำเลยเช่าโดยเสียค่าเช่าให้โจทก์ เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าของโจทก์ และแสดงว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าแล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3751/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสิทธิการเช่าช่วงของจำเลย ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
การที่จำเลยให้การว่าเมื่อน้าโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมถึงแก่กรรมแล้วโจทก์ได้รับโอนสิทธิการเช่าบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยเช่าช่วงบ้านพิพาทเช่นที่เคยปฏิบัติมาเมื่อครั้งน้าโจทก์ให้จำเลยเช่าโดยเสียค่าเช่าให้โจทก์เช่นนี้เท่ากับจำเลยยอมรับว่าจำเลยอยู่ในบ้านพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าของโจทก์และแสดงว่าโจทก์ได้รับมอบการครอบครองบ้านพิพาทจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ผู้ให้เช่าแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายจับและความผิดซึ่งหน้า: การค้นพบของกลางในบ้านไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า
การที่เจ้าพนักงานค้นพบของกลางที่บริเวณบ้านจำเลยได้แก่ภาชนะหรือเครื่องกลั่นสำหรับทำสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตสอบถามแล้วจำเลยรับว่าของกลางเป็นของตนไม่ใช่ความผิดซึ่งเจ้าพนักงานเห็นจำเลยกำลังกระทำหรือพบในอาการซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่ากระทำความผิดมาแล้วสดๆจึงไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับจำเลยได้โดยไม่มีหมายจับเมื่อเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจแม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมก็ไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3743/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายค้น/หมายจับ: การพบของกลางที่บ้านจำเลยไม่ใช่เหตุให้จับกุมได้ทันที
การที่เจ้าพนักงานค้นพบของกลางที่บริเวณบ้านจำเลยและจำเลยรับว่าเป็นของตนไม่ใช่ความผิดซึ่งเจ้าพนักงานเห็นจำเลยกำลังกระทำหรือพบในอาการซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าจำเลยกระทำผิดมาแล้วสดๆจึงไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้าที่เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจะจับจำเลยได้โดยไม่มีหมายจับเมื่อเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจแม้จำเลยจะต่อสู้ขัดขวางการจับกุมก็ไม่มีความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีรถยนต์: รถที่จดทะเบียนขนส่งได้รับการยกเว้นภาษีรถยนต์เดิมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์, การเรียกเก็บภาษีย้อนหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์นำรถยนต์มาจดทะเบียนประกอบการขนส่งและเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 รถยนต์ของโจทก์จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ คงต้องเสียภาษีรถยนต์ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 71 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ส่วนคำว่ารถที่จดทะเบียนใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 86 วรรคสองนั้น หมายถึงรถยนต์ที่นำมาจดทะเบียนใหม่กับกรมการขนส่งทางบกเป็นครั้งแรก มิได้หมายความต้องเป็นรถยนต์ใหม่ที่ยังไม่เคยจดทะเบียนมาก่อน และตามมาตรา 167 วรรคแรกที่บัญญัติว่ารถที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และยังไม่ถึงกำหนดเสียภาษีครั้งถัดไป ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้นั้น มีความหมายเพียงว่ารถยนต์ที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วและยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้ ระหว่างนั้นเจ้าของรถได้นำรถไปจดทะเบียนประกอบการขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ก็ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่มีข้อความให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหรือที่ค้างชำระตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีรถยนต์กรณีจดทะเบียนขนส่ง: การยกเว้นภาษีตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก และการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
โจทก์นำรถยนต์มาจดทะเบียนประกอบการขนส่งและเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 รถยนต์ของโจทก์จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์คงต้องเสียภาษีรถยนต์ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522ต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 71 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวส่วนคำว่ารถที่จดทะเบียนใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา86 วรรคสองนั้นหมายถึงรถยนต์ที่นำมาจดทะเบียนใหม่กับกรมการขนส่งทางบกเป็นครั้งแรกมิได้หมายความต้องเป็นรถยนต์ใหม่ที่ยังไม่เคยจดทะเบียนมาก่อนและตามมาตรา 167 วรรคแรกที่บัญญัติว่ารถที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ และยังไม่ถึงกำหนดเสียภาษีครั้งถัดไป ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้นั้นมีความหมายเพียงว่ารถยนต์ที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วและยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้ ระหว่างนั้นเจ้าของรถได้นำรถไปจดทะเบียนประกอบการขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ. 2522 ก็ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่มีข้อความให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหรือที่ค้างชำระตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3711/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาษีรถยนต์ที่ใช้ในการขนส่ง: การยกเว้นและข้อยกเว้นตามพ.ร.บ.ขนส่งทางบก
มาตรา71,86,167 โจทก์นำรถยนต์มาจดทะเบียนประกอบการขนส่งและเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522รถยนต์ของโจทก์จึงได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์คงต้องเสียภาษีรถยนต์ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522ต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา71วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวส่วนคำว่ารถที่จดทะเบียนใหม่ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา86วรรคสองนั้นหมายถึงรถยนต์ที่นำมาจดทะเบียนใหม่กับกรมการขนส่งทางบกเป็นครั้งแรกมิได้หมายความต้องเป็นรถยนต์ใหม่ที่ยังไม่เคยจดทะเบียนมาก่อนและตามมาตรา167วรรคแรกที่บัญญัติว่ารถที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วก่อนที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและยังไม่ถึงกำหนดเสียภาษีครั้งถัดไปให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัตินี้จนกว่าจะครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้นั้นมีความหมายเพียงว่ารถยนต์ที่ได้เสียภาษีตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ไว้แล้วและยังไม่ครบกำหนดเวลาที่ได้เสียภาษีไว้ระหว่างนั้นเจ้าของรถได้นำรถไปจดทะเบียนประกอบการขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกพ.ศ.2522ก็ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบกเท่านั้นไม่มีข้อความให้อำนาจกรมการขนส่งทางบกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังหรือที่ค้างชำระตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3660/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงและขอบเขตการลงโทษปรับตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พร้อมการแก้ไขโทษปรับให้ถูกต้องตามกฎหมาย
โทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 65มีเพียงโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และปรับอีกวันละ 500 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน จึงมิใช่โทษปรับเกินกว่า 6 หมื่นบาทตามความหมายในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22(5)ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษา จำเลยฎีกาว่าศาลลงโทษปรับจำเลยหนักเกินควร เป็นการ โต้แย้งดุลพินิจในการลงโทษ และเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 โทษตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ มาตรา 65 วรรคสองที่ให้ปรับอีกวันละ 500 บาทนั้น เมื่อลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับวันละ250 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับวันละ 500 บาท แม้จำเลย มิได้ฎีกา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกา มีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้
of 33