คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย เปล่งวิทยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางเดินโดยถือวิสาสะ ไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่องนานปี
โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านเข้าออกจากบ้านของโจทก์ไปสู่ถนนสาธารณะตลอดมาโดยถือวิสาสะเช่นนี้แม้จะใช้ทางพิพาทนานเท่าใดก็ตามทางพิพาทก็ไม่อาจเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์แต่อย่างใด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในทางพิพาท: การใช้ทางโดยถือวิสาสะไม่ก่อให้เกิดภาระจำยอม แม้ใช้ต่อเนื่อง และการใช้โดยไม่ถือวิสาสะยังไม่ครบ 10 ปี
โจทก์ใช้ทางพิพาทเดินผ่านที่ดินซึ่งเป็นของบิดามารดาแล้วเป็นมรดกได้แก่พี่ชายโจทก์ตลอดมาโดยถือวิสาสะแม้ต่อมาจะโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นของบุคคลอื่นแต่เมื่อโจทก์ยังคงใช้ทางพิพาทโดยถือวิสาสะเช่นเดิมแม้จะเดินนานเท่าใดก็หาได้สิทธิในภาระจำยอมไม่และถึงแม้โจทก์จะใช้ทางพิพาทอย่างไม่ใช่การถือวิสาสะตั้งแต่ที่ดินตกเป็นของจำเลยก็ยังไม่ถึง10ปีทางพิพาทจึงยังไม่เป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชนส่องทางในที่คับขัน ทั้งสองฝ่ายประมาทเลินเล่อ ความรับผิดเป็นพับกันไป
รถยนต์ของโจทก์และจำเลยชนกันขณะที่แล่นสวนทางกันในที่เกิดเหตุปรากฏว่าหัวรถยนต์ทั้งสองคันอยู่กลางถนนส่วนท้ายของรถยนต์สองคันปัดไปอยู่ริมถนนทางซ้ายมือของแต่ละคันแสดงว่าความแรงที่ชนกันทำให้รถยนต์ทั้งสองคันเคลื่อนที่ไปไม่ได้อยู่คงที่สภาพของถนนเป็นที่ดินลูกรังมีฝุ่นฟุ้งตลบเมื่อรถยนต์วิ่งสวนทางกันจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนถนนที่เกิดเหตุเป็นทางแคบมีช่องทางเดินรถอยู่สองช่องใช้แล่นสวนทางกันรถยนต์ทั้งสองคันแล่นสวนทางกันด้วยความเร็วไม่ได้ชะลอความเร็วลงจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของรถยนต์ทั้งสองฝ่ายซึ่งมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดในค่าเสียหายจึงเป็นพับกันไปทั้งสองฝ่าย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อของทั้งสองฝ่ายในการชนกันบนถนนแคบ ทำให้ค่าเสียหายเป็นพับกัน
รถยนต์ของโจทก์และจำเลยชนกันขณะที่แล่นสวนทางกันในที่เกิดเหตุปรากฏว่าหัวรถยนต์ทั้งสองคันอยู่กลางถนนส่วนท้ายของรถยนต์สองคันปัดไปอยู่ริมถนนทางซ้ายมือของแต่ละคันแสดงว่าความแรงที่ชนกันทำให้รถยนต์ทั้งสองคันเคลื่อนที่ไปไม่ได้อยู่คงที่สภาพของถนนเป็นที่ดินลูกรังมีฝุ่นฟุ้งตลบเมื่อรถยนต์วิ่งสวนทางกันจนไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ชัดเจนถนนที่เกิดเหตุเป็นทางแคบมีช่องทางเดินรถอยู่สองช่องใช้แล่นสวนทางกันรถยนต์ทั้งสองคันแล่นสวนทางกันด้วยความเร็วไม่ได้ชะลอความเร็วลงจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของรถยนต์ทั้งสองฝ่ายซึ่งมิได้ยิ่งหย่อนกว่ากันความรับผิดในค่าเสียหายจึงเป็นพับกันไปทั้งสองฝ่าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิไม่สุจริตของผู้ขายในการขอคืนรถยนต์ที่ถูกนำไปใช้กระทำผิด โดยมีเจตนาให้ผู้ซื้อซื้อต่อไป
ห้างหุ้นส่วนผ. ซื้อรถยนต์ของกลางมาจากผู้ร้องโดยตกลงชำระราคารวม31งวดระหว่างที่ชำระราคายังไม่ครบได้รู้เห็นเป็นใจให้จำเลยนำรถคันดังกล่าวไปใช้โดยผิดกฎหมายจนถูกศาลสั่งริบผู้ร้องจึงมาขอคืนรถของกลางโดยห้างหุ้นส่วนผ. เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมดทั้งได้ตกลงกันด้วยว่าเมื่อได้รถคืนมาแล้วจะให้ห้างหุ้นส่วนผ. ซื้อรถต่อไปเห็นได้ว่าเป็นการขอคืนรถยนต์ของกลางเพื่อประโยชน์ของห้างหุ้นส่วนผ.ถือว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตผู้ร้องไม่มีสิทธิขอคืนรถยนต์ของกลาง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส โดยมีเจตนาทำร้ายร่วมกัน
โจทก์ร่วมถูกจ.ใช้ไม้ตีที่ท้ายทอย1ทีเซถลาไปจำเลยใช้ไม้ตีที่ใบหน้าโจทก์ร่วม1ทีจากนั้นอ.และชายอีกคนหนึ่งเข้ารุมชกต่อยโจทก์ร่วมจนล้มลงเมื่ออ.พูดว่าพอแล้วบุคคลเหล่านั้นก็เลิกชกต่อยและพากันวิ่งหนีไปทางหลังโบสถ์เช่นนี้เป็นการกระทำที่ติดต่อกันในลักษณะที่ได้มีการตกลงกระทำการร่วมกันมาก่อนแล้วจำเลยจะต้องรับผิดในผลของการกระทำแต่ละคนร่วมกัน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสจากกลุ่มกระทำความผิดร่วมกัน
โจทก์ร่วมถูกจ. ใช้ไม้ตีที่ท้ายทอย1ทีเซถลาไปจำเลยใช้ไม้ตีที่ใบหน้าโจทก์ร่วม1ทีจากนั้นอ. และชายอีกคนหนึ่งเข้ารุมชกต่อยโจทก์ร่วมจนล้มลงเมื่ออ. พูดว่าพอแล้วบุคคลเหล่านั้นก็เลิกชกต่อยและพากันวิ่งหนีไปทางหลังโบสถ์เช่นนี้เป็นการกระทำที่ติดต่อกันในลักษณะที่ได้มีการตกลงกระทำการร่วมกันมาก่อนแล้วจำเลยจะต้องรับผิดในผลของการกระทำแต่ละคนร่วมกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ, การหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง, และความรับผิดทางละเมิดร่วมกัน
ถนนที่เกิดเหตุเป็นทางตรง จำเลยที่ 2 เห็นก้อนหินขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 ซม. ขวางถนนอยู่ในช่องทางเดินรถของตน จำเลยที่ 2 ได้ขับรถหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของโจทก์เพียงเล็กน้อย คนขับรถของโจทก์เห็นรถที่จำเลยที่ 2 ขับหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของตน แต่คนขับรถของโจทก์มิได้ชะลอความเร็วลงหรือขับรถหลบไปทางซ้ายมือซึ่งผิวจราจรหรือไหล่ถนนตรงนั้นกว้างพอที่จะแล่นหลบไปได้โดยไม่ตกถนนและรถทั้งสองคันก็จะไม่ชนกัน ดังนี้ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์สองคันชนกันนั้นเกิดจากการขับรถโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยและ คนขับรถของโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยควรรับผิดเพื่อความเสียหายสองในสามส่วนของความเสียหายที่โจทก์ได้รับ.
คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่ 2 ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากรถร่วม: สำเนาเอกสารใช้ได้หากไม่มีการโต้แย้ง
สำเนาเอกสารจะคัดหรือถ่ายจากต้นฉบับหรือจากสำเนาไม่ใช่ข้อสำคัญข้อสำคัญอยู่ที่ว่าข้อความตามสำเนาเอกสารนั้นถูกต้องตรงกับต้นฉบับหรือไม่เมื่อจำเลยไม่คัดค้านว่าเอกสารที่โจทก์ส่งศาลเป็นสำเนาที่ไม่ถูกต้องกับต้นฉบับทั้งมิได้คัดค้านว่าผู้รับรองความถูกต้องไม่มีอำนาจรับรองศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารได้ จำเลยที่3ยอมให้จำเลยที่1นำรถยนต์โดยสารเข้ามาเดินในเส้นทางที่ตนได้รับสัมปทานและทำสัญญารถร่วมต่อกันรถยนต์โดยสารของจำเลยที่1ที่เดินรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางย่อมถือว่าเป็นกิจการของจำเลยที่3ด้วยต่อมาสัญญารถร่วมระหว่างจำเลยที่1และที่3หมดอายุลงแต่จำเลยที่3ยังยอมให้จำเลยที่1นำรถยนต์โดยสารมาเดินรับส่งผู้โดยสารในเส้นทางอีกจนเกิดเหตุละเมิดขึ้นจำเลยที่3ย่อมจะต้องรับผิดในผลละเมิดซึ่งเกิดจากการกระทำของจำเลยที่2ลูกจ้างของจำเลยที่1ซึ่งขับรถในทางการที่จ้างของจำเลยที่1ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถและการละเลยไม่บำบัดปัดป้องความเสียหาย ผู้ขับขี่มีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
ถนนที่เกิดเหตุเป็นทางตรงจำเลยที่2เห็นก้อนหินขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ12ซม.ขวางถนนอยู่ในช่องทางเดินรถของตนจำเลยที่2ได้ขับรถหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของโจทก์เพียงเล็กน้อย.คนขับรถของโจทก์เห็นรถที่จำเลยที่2ขับหลบก้อนหินเข้ามาในช่องทางเดินรถของตนแต่คนขับรถของโจทก์มิได้ชะลอความเร็วลงหรือขับรถหลบไปทางซ้ายมือซึ่งผิวจราจรหรือไหล่ถนนตรงนั้นกว้างพอที่จะแล่นหลบไปได้โดยไม่ตกถนนและรถทั้งสองคันก็จะไม่ชนกันดังนี้ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดจากรถยนต์สองคันชนกันนั้นเกิดจากการขับรถโดยประมาทของจำเลยที่2ไม่ใช่เหตุสุดวิสัยและคนขับรถของโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยควรรับผิดเพื่อความเสียหายสองในสามส่วนของความเสียหายที่โจทก์ได้รับ. คำวินิจฉัยชี้ขาดเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้นั้นศาลฎีกาพิพากษาให้มีผลถึงจำเลยที่2ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในชั้นอุทธรณ์ฎีกาด้วย.
of 33