คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย เปล่งวิทยา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 329 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ไม่ใช่การทำนา และผลของการไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยให้การว่าเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์โดยปลูกพืชเกษตรกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นมะพร้าวต้นจากและต้นพุทราซึ่งพืชเหล่านี้ไม่ใช่พืชไร่ดังนั้นจากคำให้การดังกล่าวการทำเกษตรกรรมของจำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นการทำนาตามความหมายของมาตรา21แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524กรณีจึงเป็นเรื่องการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านาต้องนำมาตรา63มาใช้บังคับเมื่อปรากฏว่าขณะพิพาทยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นจำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าวและเมื่อเป็นการเช่าที่ดินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยก็ไม่อาจยกเอาการเช่านี้ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา538

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อปลูกพืชเกษตรที่ไม่ใช่พืชไร่ ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครอง พ.ร.บ.เช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และต้องใช้หลักฐานเป็นหนังสือ
จำเลยให้การว่า เช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์ โดยปลูกพืชเกษตรกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นมะพร้าว ต้นจาก และต้นพุทรา ซึ่งพืชเหล่านี้ไม่ใช่พืชไร่ ดังนั้น จากคำให้การดังกล่าวการทำเกษตรกรรมของจำเลยจึงไม่มีลักษณะเป็นการทำนาตามความหมายของ มาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 กรณีจึงเป็นเรื่องการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านา ต้องนำมาตรา 63 มาใช้บังคับ เมื่อปรากฏว่าขณะพิพาทยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่น จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติดังกล่าวและเมื่อเป็นการเช่าที่ดินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ จำเลยก็ไม่อาจยกเอาการเช่านี้ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกย่อมถือเป็นการครอบครองแทนทายาท ทำให้อายุความไม่เริ่มนับ
โจทก์จำเลยเป็นทั้งทายาทและผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลการที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกจึงเป็นเรื่องผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ที่เป็นทายาทด้วยจำเลยจะอ้างอายุความมรดกมาตัดฟ้องมิให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งจำเลยครอบครองอยู่หาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 80/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกโดยผู้จัดการมรดกในฐานะทายาท ย่อมไม่ทำให้เกิดอายุความตัดสิทธิทายาทอื่น
โจทก์จำเลยเป็นทั้งทายาทและผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลการที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกจึงเป็นเรื่องผู้จัดการมรดกครอบครองทรัพย์มรดกแทนโจทก์ที่เป็นทายาทด้วย จำเลยจะอ้างอายุความมรดกมาตัดฟ้องมิให้โจทก์ซึ่งเป็นทายาทฟ้องขอแบ่งมรดกซึ่งจำเลยครอบครองอยู่หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากเหตุทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายต่อเนื่อง
จำเลยกับส.ผู้ตายเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจเดียวกันจำเลยมีบาดแผลที่เข่าเป็นเหตุให้เดินไม่ถนัดต้องนุ่งกางเกงขาสั้นผู้ตายก่อเหตุขึ้นด้วยการเข้ามาตบแผลที่เข่าจำเลยแล้วด่าจำเลยหาว่าจำเลยเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชาและชกหน้าจำเลย1ทีต่อจากนั้นก็เอากรรไกรตัดหญ้าง้างออกจะหนีบคอจำเลยจำเลยหลบและปัดป้องทำให้หนีบคอไม่ได้ผู้ตายก็รวบกรรไกรจ้วงแทงศีรษะจำเลยเมื่อจำเลยหลบกรรไกรปักลงที่ม้านั่งผู้ตายยังใช้กรรไกรพุ่งแทงจำเลยในระดับลูกตาหรือหน้าผากอีกจำเลยหลยกรรไกรไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่กองไว้ด้านหลังกรรไกรหลุดจากมือผู้ตายผู้ตายบีบคอจำเลยอีกจำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่งลงไปที่พื้นมือผู้ตายหลุดจากคอผู้ตายตามไปชกจำเลยอีกพฤติการณ์ของผู้ตายเป็นการแสดงเจตนาที่จะฆ่าจำเลยให้ตายและติดตามทำร้ายจำเลยด้วยวิธีต่างๆติดต่อกันจำเลยจึงชักปืนพกออกมาและยิงผู้ตายไปติดๆกัน2นัดทันทีโดยมิได้เล็ง(กระสุนปืนถูกผู้ตาย1นัด)ในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้นจำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้พ้นเพราะจำเลยมีแผลที่เข่าเดินไม่ถนัดกรรไกรตัดหญ้าก็ตกอยู่ใกล้ๆผู้ตายผู้ตายอาจนำมาใช้ทำร้ายจำเลยถึงตายได้จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันเช่นนั้นเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตรายต่อเนื่อง
จำเลยกับ ส. ผู้ตายเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจเดียวกันจำเลยมีบาดแผลที่เข่าเป็นเหตุให้เดินไม่ถนัดต้องนุ่งกางเกงขาสั้น ผู้ตายก่อเหตุขึ้นด้วยการเข้ามาตบแผลที่เข่าจำเลย แล้วด่าจำเลยหาว่าจำเลยเอาเรื่องไปฟ้องผู้บังคับบัญชา และชกหน้าจำเลย 1 ที ต่อจากนั้นก็เอากรรไกรตัดหญ้าง้างออกจะหนีบคอจำเลย จำเลยหลบและปัดป้องทำให้หนีบคอไม่ได้ ผู้ตายก็รวบกรรไกรจ้วงแทงศีรษะจำเลย เมื่อจำเลยหลบ กรรไกรปักลงที่ม้านั่ง ผู้ตายยังใช้กรรไกรพุ่งแทงจำเลยในระดับลูกตาหรือหน้าผากอีก จำเลยหลย กรรไกรไปถูกคานยึดขาม้านั่งที่กองไว้ด้านหลัง กรรไกรหลุดจากมือผู้ตาย ผู้ตายบีบคอจำเลยอีก จำเลยดิ้นรนจนตกจากม้านั่งลงไปที่พื้น มือผู้ตายหลุดจากคอ ผู้ตายตามไปชกจำเลยอีกพฤติการณ์ของผู้ตายเป็นการแสดงเจตนาที่จะฆ่าจำเลยให้ตาย และติดตามทำร้ายจำเลยด้วยวิธีต่างๆ ติดต่อกัน จำเลยจึงชักปืนพกออกมาและยิงผู้ตายไปติดๆกัน 2 นัดทันทีโดยมิได้เล็ง (กระสุนปืนถูกผู้ตาย 1 นัด) ในเวลาฉุกละหุกเช่นนั้นจำเลยย่อมไม่มีโอกาสจะหลบหนีได้พ้น เพราะจำเลยมีแผลที่เข่าเดินไม่ถนัดกรรไกรตัดหญ้าก็ตกอยู่ใกล้ๆ ผู้ตาย ผู้ตายอาจนำมาใช้ทำร้ายจำเลยถึงตายได้จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันเช่นนั้น เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทุจริตเช็ค – การสั่งระงับการจ่ายเช็คเมื่อคู่สัญญาผิดสัญญาซื้อขาย ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยตกลงซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากโจทก์แต่ในวันทำสัญญาจำเลยชำระค่ามัดจำให้โจทก์ไม่ครบส่วนที่ขาดอยู่จำเลยได้ทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์ไว้พร้อมทั้งออกเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวการออกเช็คพิพาทจึงเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการวางเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนที่ให้จำเลยการที่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางมัดจำซื้อขายที่ดิน สัญญาแปลงเป็นกู้ยืม การระงับเช็คเพื่อป้องกันความเสียหายจากการผิดสัญญา ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค
จำเลยวางมัดจำในวันทำสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นเงินสดส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งจ่ายเป็นเช็คพิพาทให้โจทก์พร้อมทั้งทำสัญญากู้ยืมเงินให้โจทก์โจทก์นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเนื่องจากจำเลยมีคำสั่งให้ระงับการจ่ายโจทก์มาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯการที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาซื้อขายจำเลยมีสิทธิสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยกระทำโดยสุจริตจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้องเป็นการใช้ดุลพินิจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227มิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ยืมเป็นการแปลงหนี้ใหม่เพราะเป็นการเปลี่ยนสาระสำคัญแห่งหนี้จากเงินมัดจำเป็นหนี้เงินกู้แม้เช็คพิพาทจำเลยจะสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมแต่ก็เป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการวางเงินมัดจำตามสัญญาซื้อขายเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่โอนที่ดินให้การที่จำเลยสั่งระงับการจ่ายเงินตามเช็คก็เพื่อมิให้ต้องสูญเสียเงินเพิ่มขึ้นจากการผิดสัญญาของโจทก์จำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริตและไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4949/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับสารภาพในชั้นสอบสวนและการเปรียบเทียบปรับ ไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานใหม่
การที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนในข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย และยินยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ ผลของการเปรียบเทียบปรับดังกล่าวไม่ใช่คำพิพากษาในส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ดังนั้นการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามดังที่บัญญัติไว้ในบทมาตราดังกล่าว และจำเลยอาจนำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4689/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนกับการรับผิดในสัญญาจ้างก่อสร้าง: กรรมการตรวจการจ้างไม่ต้องรับผิดส่วนตัว
องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำเลยที่ 1 แต่งตั้งจำเลยที่ 3ถึงที่ 7 เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้าง ในการจ้างเหมาโจทก์ก่อสร้างอาคารเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามรายการและแบบแปลน จำเลยที่ 3 ถึงที่ 7 ย่อมเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดชอบชดใช้เงินแก่โจทก์ในฐานะส่วนตัว
of 33