คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เทพ ภักดีศุภผล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3950/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาว่าจะรับราชการของทหาร: อำนาจของหน่วยงาน, ความผูกพันของสัญญา, และการบังคับค่าปรับ
จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2503 และมาตรา 16แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวระบุให้จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ เตรียมกำลัง กองทัพอากาศและป้องกันราชอาณาจักร มีผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสียหาย ต่อการจัดเตรียมกำลัง กองทัพอากาศและป้องกันราชอาณาจักร จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจกำหนดให้ผู้สมัครเข้ารับราชการสังกัดจำเลยที่ 1 ทำสัญญาว่าจะรับราชการในกระทรวงกลาโหมไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบูรณ์ และกำหนดค่าปรับในกรณีที่ผู้นั้นผิดสัญญาได้ แม้คำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 555/18 จะระบุถึงบุคคลประเภทต่างๆ ซึ่งจะต้องทำสัญญากับ จำเลยที่ 1 โดยไม่รวมถึงนายทหารประทวนเช่นโจทก์ก็ตาม
เมื่อโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้เข้าทำสัญญากันด้วยความสมัครใจ และไม่ปรากฏว่าสัญญานั้นมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยกฎหมาย หรือเป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงย่อมผูกพันคู่กรณีและมีผลใช้บังคับ แก่กันได้ และผู้แทนของจำเลยที่ 1 มีอำนาจที่จะทำสัญญาดังกล่าว ในนามของจำเลยที่ 1ได้โดยชอบ สัญญาจึงหาตกเป็นโมฆะไม่ เมื่อโจทก์ผิดสัญญา จำเลยที่ 1 ย่อมมีอำนาจบังคับเอาค่าปรับจากโจทก์ตามสัญญานั้นได้ การที่โจทก์ชำระค่าปรับให้แก่จำเลยที่1 ไปแล้วนั้น โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาคืนจากจำเลยทั้งสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานค้ามนุษย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อบังคับขู่เข็ญให้ค้าประเวณี
จำเลยที่ 3, ที่ 4 ร่วมกับพวกอีกหลายคนทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสี่ให้ค้าประเวณี ย่อมเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310วรรคแรกกระทงหนึ่งและผิดตาม มาตรา 283 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3888/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับขู่เข็ญเพื่อให้ค้าประเวณี
จำเลยที่ 3, ที่ 4 ร่วมกับพวกอีกหลายคนทำการหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสี่ให้ค้าประเวณี ย่อมเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคแรก กระทงหนึ่ง และผิดตาม มาตรา 283 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3742/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดีจากต่างประเทศ: การคัดค้านที่ไม่ชัดเจนไม่เป็นเหตุให้การมอบอำนาจไม่สมบูรณ์
หนังสือมอบอำนาจที่ส่งศาลเป็นสำเนาใบมอบอำนาจที่โจทก์กระทำมาจากต่างประเทศ จำเลยคัดค้านว่าโจทก์มิใช่นิติบุคคล และแต่งตั้งผู้รับมอบอำนาจโดยไม่สมบูรณ์แบบ แต่ไม่ได้แสดงเหตุว่าไม่สมบูรณ์แบบเพราะเหตุใด มิได้คัดค้านการมีอยู่และความถูกต้องของสำเนาหนังสือมอบอำนาจต่อศาลตามที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 ดังนี้ ฟังได้ว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องอย่างถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัย: ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดเมื่อผู้ขับขี่ประมาท แม้จะมีการต่อสู้เรื่องความประมาทของฝ่ายอื่น
จำเลยที่ 2 กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะ คำเบิกความของส.พยานโจทก์เบิกความไม่แน่ชัดจำเลยที่2 ไม่สามารถเข้าใจ คำฟ้องของโจทก์ได้ดีโดยจำเลยที่2 ไม่ได้โต้แย้งเลยว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอคำบังคับที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างใด ซึ่งเท่ากับจำเลยที่ 2 โต้แย้งปัญหาในเรื่องการรับฟัง พยานหลักฐานของศาลเท่านั้นจึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าฟ้อง ของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถบรรทุกคันเกิดเหตุ มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายในนามของจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่จำเลยที่2 ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่าจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุที่เกิดขึ้นคดีนี้ไม่ใช่เป็น ความประมาทของคนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ แต่เป็นความประมาท ของโจทก์ที่ขึงสายโทรศัพท์ห้อยต่ำมากีดขวางทางจราจรและโจทก์ เสียหายไม่ถึงตามฟ้องศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทของ จำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ไว้ด้วยเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีจำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธในความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทน จำเลยที่ 1 ตกไป เพราะจำเลยที่ 2 เป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ ตั้งประเด็นต่อสู้กับโจทก์ไว้แล้วจะเกณฑ์ให้จำเลยที่ 2 ไปว่ากล่าว เอากับจำเลยที่ 1ในการที่จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าว หาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยที่ 2อุทธรณ์ ดังกล่าวนั้นจึงไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3631/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนเมื่อเกิดความเสียหายจากความประมาทของผู้อื่น และการโต้แย้งเรื่องประเด็นข้อพิพาท
จำเลยที่ 2 กล่าวในฟ้องอุทธรณ์ว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเพราะคำเบิกความของ ส.พยานโจทก์เบิกความไม่แน่ชัด จำเลยที่ 2 ไม่สามารถเข้าใจ คำฟ้องของโจทก์ได้ดี โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้โต้แย้งเลยว่าคำฟ้องของโจทก์ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาคำขอคำบังคับที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาอย่างใด ซึ่งเท่ากับจำเลยที่ 2 โต้แย้งปัญหาในเรื่องการรับฟังพยานหลักฐานของศาลเท่านั้น จึงไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถบรรทุกคันเกิดเหตุ มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหายในนามของจำเลยที่ 1 ตามกรมธรรม์ประกันภัย แต่จำเลยที่ 2 ได้ให้การต่อสู้ไว้ด้วยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพราะเหตุที่เกิดขึ้นคดีนี้ไม่ใช่เป็นความประมาทของคนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ แต่เป็นความประมาทของโจทก์ที่ขึงสายโทรศัพท์ห้อยต่ำมากีดขวางทางจราจรและโจทก์เสียหายไม่ถึงตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทของ จำเลยที่ 2 ในปัญหานี้ไว้ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองแพ้คดี จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ก็ไม่ทำให้ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธในความรับผิดที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายแทนจำเลยที่ 1 ตกไป เพราะจำเลยที่ 2 เป็นคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ตั้งประเด็นต่อสู้กับโจทก์ไว้แล้วจะเกณฑ์ให้จำเลยที่ 2 ไปว่ากล่าว เอากับจำเลยที่ 1 ในการที่จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ในประเด็นดังกล่าวหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยในประเด็นที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าวนั้นจึงไม่ชอบ