คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พลจิตต์ ดียืน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2073/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลาออกของผู้จัดการมรดก กรณีทายาทขัดแย้งในการแบ่งทรัพย์และบำเหน็จเป็นรายครั้ง
ทายาทมีข้อขัดแย้งไม่อาจตกลงกันให้ผู้จัดการมรดกจัดการแบ่งอสังหาริมทรัพย์ส่วนใดเป็นของทายาทคนใดถ้าผู้จัดการมรดกจัดการแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวตามความต้องการของทายาทฝ่ายหนึ่งย่อมขัดกับความประสงค์ของทายาทอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งการแบ่งอาจไม่สำเร็จลุล่วงไปและอาจทำให้มีกรณีพิพาทเกิดขึ้นระหว่างทายาทกันเองและระหว่างทายาทกับผู้จัดการมรดกตามมาอีกได้ประกอบกับบำเหน็จที่ผู้จัดการมรดกได้รับก็เป็นบำเหน็จเฉพาะสำหรับผลงานที่ได้ทำสำเร็จไปแต่ละครั้งคราวกรณีมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ผู้จัดการมรดกลาออกจากตำแหน่ง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและก่อสร้างที่ดิน/อาคาร โอนทรัพย์แล้ว ไม่เป็นคดีอสังหาริมทรัพย์
คำฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยผิดสัญญาวางมัดจำซื้อที่ดินและว่าจ้างก่อสร้างอาคาร ซึ่งจำเลยได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์แล้ว ให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น มิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดินและอาคารที่ปลูกสร้างจึงไม่เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ หรือสิทธิ หรือประโยชน์ใด ๆ อันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงยื่นฟ้องต่อศาลซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องค่าเสียหายจากสัญญาซื้อขายและก่อสร้างที่ไม่บังคับแก่ตัวทรัพย์ ถือเป็นคำฟ้องที่ไม่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
คำฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยผิดสัญญาวางมัดจำซื้อที่ดินและว่าจ้างก่อสร้างอาคารซึ่งจำเลยได้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์แล้วให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้นมิได้บ่งถึงการที่จะบังคับแก่ตัวทรัพย์คือที่ดินและอาคารที่ปลูกสร้างจึงไม่เป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิหรือประโยชน์ใดๆอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์โจทก์จึงยื่นฟ้องต่อศาลซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาอุทธรณ์ก่อนวินิจฉัยคดีตามมาตรา 245 หากไม่ทำ ถือไม่ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา
ศาลชั้นต้นส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ก่อนแล้วต่อมาศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และส่งอุทธรณ์มายังศาลอุทธรณ์ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะทำคำพิพากษาแต่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย แต่กลับวินิจฉัยคดีตามมาตรา 245 ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฉ้อโกง: จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักจูงผู้เสียหายตั้งแต่แรก และไม่ได้ช่วยเหลือการกระทำความผิด
ผู้เสียหายทั้งสี่ติดต่อกับบุตรทั้งสองของจำเลยจนตกลงใจจะไปทำงานในต่างประเทศและได้ไปขอหนังสือเดินทางนัดหมายชำระเงินค่าตอบแทนให้บุตรทั้งสองของจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแนะนำชักพาให้ผู้เสียหายเหล่านั้นนำเงินไปมอบให้แก่บุตรของตนแต่อย่างใด แม้จะปรากฏว่าขณะผู้เสียหายทั้งสี่นำเงินไปจ่ายตามนัด จำเลยอยู่ด้วยช่วยพูดเสริมคำของบุตรทั้งสองกับช่วยนับเงินที่ผู้เสียหายเหล่านั้นนำไปชำระ เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายทั้งสี่ปลงใจที่จะจ่ายเงินถึงขนาดไปทำหนังสือเดินทางเสร็จ กำหนดวันที่จะจ่ายเงินกันไว้แน่นอนแล้วโดยเชื่อตามคำพูดของบุตรทั้งสองของจำเลยก่อนที่จะพบกับจำเลยเช่นนี้ ย่อมแสดงว่าผู้เสียหายทั้งสี่พร้อมที่จะจ่ายเงินให้บุตรทั้งสองของจำเลยไม่ว่าจำเลยจะอยู่ด้วยในวันนัดพบจ่ายเงินหรือไม่ พฤติการณ์ของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำของบุตรทั้งสองของจำเลยจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนการฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1584/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการฉ้อโกง: จำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชักจูงผู้เสียหายโดยตรง
ผู้เสียหายทั้งสี่ติดต่อกับบุตรทั้งสองของจำเลยจนตกลงใจจะไปทำงานในต่างประเทศและได้ไปขอหนังสือเดินทางนัดหมายชำระเงินค่าตอบแทนให้บุตรทั้งสองของจำเลยโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแนะนำชักพาให้ผู้เสียหายเหล่านั้นนำเงินไปมอบให้แก่บุตรของตนแต่อย่างใดแม้จะปรากฏว่าขณะผู้เสียหายทั้งสี่นำเงินไปจ่ายตามนัดจำเลยอยู่ด้วยช่วยพูดเสริมคำของบุตรทั้งสองกับช่วยนับเงินที่ผู้เสียหายเหล่านั้นนำไปชำระเมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายทั้งสี่ปลงใจที่จะจ่ายเงินถึงขนาดไปทำหนังสือเดินทางเสร็จกำหนดวันที่จะจ่ายเงินกันไว้แน่นอนแล้วโดยเชื่อตามคำพูดของบุตรทั้งสองของจำเลยก่อนที่จะพบกับจำเลยเช่นนี้ย่อมแสดงว่าผู้เสียหายทั้งสี่พร้อมที่จะจ่ายเงินให้บุตรทั้งสองของจำเลยไม่ว่าจำเลยจะอยู่ด้วยในวันนัดพบจ่ายเงินหรือไม่พฤติการณ์ของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำของบุตรทั้งสองของจำเลยจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนการฉ้อโกง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกโดยผู้จัดการที่เป็นทายาท การโอนทรัพย์มรดก และอายุความฟ้องคดี
การที่ผู้จัดการมรดกซึ่งเป็นทายาทของเจ้ามรดกโอนทรัพย์มรดกให้แก่ตนเองและทายาทอื่นซึ่งมีสิทธิได้รับมรดก หาใช่เป็นการทำนิติกรรมซึ่งคนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 ไม่
การที่ผู้จัดการมรดกมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาล ศาลอาจถอนผู้จัดการมรดกได้ แต่เมื่อยังมิได้ถอน ผู้จัดการมรดกยังคง มีอำนาจจัดการมรดก
การที่ผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์มรดกให้ทายาทไปจนหมดสิ้นแล้วในวันใด ถือว่าการจัดการมรดกสิ้นสุดในวันดังกล่าว การที่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกเกินกว่า 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกเสร็จ คดีย่อมขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1733

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: นับจากวันที่จัดการมรดกเสร็จสิ้น
น. และจำเลยที่1ผู้จัดการมรดกของส. ต่างก็เป็นทายาทของเจ้ามรดกโดยน. เป็นภรรยาจำเลยที่1เป็นบุตรการที่บุคคลทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์มรดกให้แก่ตนเองและทายาทอื่นซึ่งมีสิทธิได้รับมรดกอยู่แล้วมิใช่เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก. ผู้จัดการมรดกมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกยื่นต่อศาลเป็นกรณีที่ศาลอาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้เท่านั้นหาเป็นเหตุให้อำนาจในการจัดการมรดกสิ้นสุดไปไม่เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลถอนผู้จัดการมรดกอำนาจในการจัดการมรดกของผู้จัดการมรดกยังคงมีอยู่ต่อไป เมื่อผู้จัดการมรดกได้ทำการโอนทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ทายาทของเจ้ามรดกไปหมดแล้วในวันที่29ตุลาคม2518ถือว่าการจัดการมรดกสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันดังกล่าวโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกเมื่อวันที่4มิถุนายน2524เกินกว่า5ปีนับแต่การจัดการมรดกเสร็จสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.พ.พ.มาตรา1733 คำฟ้องโจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดให้เห็นว่าผู้จัดการมรดกก็ดีจำเลยก็ดีได้กระทำการใดๆอันจะถือได้ว่าเป็นการรับสภาพความผิดต่อโจทก์ตามป.พ.พ.มาตรา172หรือกระทำการอื่นใดอันจะถือว่าเป็นการละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความตามป.พ.พ.มาตรา192จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากันมาในศาลชั้นต้นปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องอายุความฟ้องร้องมิใช่ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญชาติไทยโดยการเกิด: บุตรนอกกฎหมายของคนไทยและคนต่างด้าว ไม่ต้องทำบัตรคนญวนอพยพ
จำเลยเกิดจากบิดามารดาที่มิได้จดทะเบียนสมรสกันจึงไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดาเมื่อปรากฏว่าจำเลยเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมารดามีสัญชาติไทยย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา7แห่งพ.ร.บ.สัญชาติการที่บิดาจำเลยเป็นคนญวนอพยพไม่ทำให้จำเลยเป็นคนญวนอพยพที่จะถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่337และไม่ต้องทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพตามประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1268/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลอกลวงเพื่อหวังผลประโยชน์ โดยแสดงเจตนาเท็จ ศาลพิพากษายืนตามคำฟ้อง
คำฟ้องที่อ่านโดยตลอดแล้วเข้าใจได้ว่าจำเลยหลอกลวงผู้เสียหายด้วยข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยมีเจตนาที่จะส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศบาห์เรน แต่ตามจริงแล้วจำเลยไม่ได้มีเจตนาที่จะส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศดังกล่าวแต่อย่างใดเป็นการบรรยายฟ้องถึงรายละเอียดที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามป.วิ.อ.มาตรา158(5)แล้ว.
of 24