พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทิศที่ดินเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและไม่ได้ใช้แล้ว สิทธิในที่ดินยังไม่กลับคืนเป็นของเดิม
การอุทิศที่ดินให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามป.พ.พ.มาตรา1304(2)แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือและต่อมาประชาชนไม่ได้ใช้ที่ดินนั้นต่อไปก็หาทำให้ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินสิ้นสภาพและกลับมาเป็นของผู้อุทิศอีกไม่ เมื่อจำเลยสละการครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วและโจทก์ครอบครองที่พิพาทอยู่โจทก์จึงมีสิทธิ์ในที่พิพาทดีกว่าจำเลยแต่โจทก์ไม่อาจห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเสียทั้งหมดได้เพราะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิใช่เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุที่ประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินแปลงนี้เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินสาธารณสมบัติ: สิทธิของผู้ครอบครองดีกว่าผู้สละสิทธิ และขอบเขตการห้ามเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 (2) โจทก์เป็นผู้ครอบครองจึงมีสิทธิดีกว่าจำเลย ส่วนที่โจทก์ขอให้ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องนั้น ไม่อาจห้ามจำเลยเกี่ยวข้องเสียทั้งหมดได้เพราะจะเป็นการขัดวัตถุประสงค์ของการใช้สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทนี้จะห้ามได้เฉพาะกรณีที่เข้าไปเกี่ยวข้องโดยที่มิได้เป็นไปเพื่อการใช้ที่ดินตามวัตถุประสงค์ของสาธารณสมบัติของแผ่นดินเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อเมื่อผู้เช่ากระทำผิด แม้มีข้อตกลงชดใช้ค่าเช่า ผู้เช่ายังมีสิทธิขอคืนได้หากเจ้าของมิได้รู้เห็นเป็นใจ
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางได้ให้ช.เช่าซื้อไปในระหว่างสัญญาเช่าซื้อจำเลยนำรถยนต์ดังกล่าวไปใช้บรรทุกแร่จนมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและศาลสั่งริบรถยนต์บรรทุกของกลางเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดย่อมมีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลางได้แม้สัญญาเช่าซื้อมีข้อกำหนดว่าถ้ารถถูกยึิดหรือตกเป็นของรัฐผู้เช่ายินยอมชดใช้ราคาค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดให้เจ้าของทันทีก็เป็นเพียงข้อตกลงให้ผู้ร้องได้ค่าเช่าซื้อโดยครบถ้วนเท่านั้นไม่มีผลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลาง.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อแม้ถูกยึดจากความผิดผู้เช่า ผู้ให้เช่ายังมีสิทธิขอคืนได้
ผู้ร้องเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกของกลางได้ให้ช.เช่าซื้อไปในระหว่างสัญญาเช่าซื้อจำเลยนำรถยนต์ดังกล่าวไปใช้บรรทุกแร่จนมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและศาลสั่งริบรถยนต์บรรทุกของกลางเมื่อปรากฏว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดย่อมมีสิทธิร้องขอคืนรถยนต์ของกลางได้แม้สัญญาเช่าซื้อมีข้อกำหนดว่าถ้ารถถูกยึดหรือตกเป็นของรัฐผู้เช่ายินยอมชดใช้ราคาค่าเช่าซื้อที่เหลือทั้งหมดให้เจ้าของทันทีก็เป็นเพียงข้อตกลงให้ผู้ร้องได้ค่าเช่าซื้อโดยครบถ้วนเท่านั้นไม่มีผลเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ของกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด: ศาลไม่อำนาจสั่งริบและต้องคืนให้
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลาง เจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้ หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 วรรคท้าย และต้องคืนแก่เจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิขอคืนของกลางสำหรับเจ้าของทรัพย์ที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางเจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33วรรคท้ายและต้องคืนแก่เจ้าของ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด: ศาลไม่มีอำนาจสั่งริบและต้องคืน
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลางเจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิดศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตามป.อ.มาตรา33วรรคท้ายและต้องคืนแก่เจ้าของ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของทรัพย์สินของกลางที่ไม่รู้เห็นการกระทำผิด: ศาลไม่อำนาจสั่งริบ คืนให้เจ้าของ
ในคดีอาญาที่โจทก์มีคำขอให้ริบของกลาง เจ้าของทรัพย์สินของกลางมีสิทธิร้องขอคืนของกลางในระหว่างพิจารณาได้ หากปรากฏว่าเจ้าของทรัพย์สินของกลางมิได้รู้เห็นเป็นใจในการที่จำเลยนำเอาทรัพย์ของกลางไปใช้ในการกระทำความผิด ศาลไม่มีอำนาจสั่งริบของกลางนั้นตาม ป.อ. มาตรา 33 วรรคท้าย และต้องคืนแก่เจ้าของ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ค่าบริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศ การสื่อสารแห่งประเทศไทยฟ้องเรียกค่าบริการจากผู้ใช้บริการ ศาลฎีกาวินิจฉัยอายุความ 2 ปี
การสื่อสารแห่งประเทศไทยโจทก์ได้วางระเบียบให้ประชาชนสามารถใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์โดยเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้บริการตามอัตราที่ได้กำหนดไว้แสดงว่าโจทก์ได้ให้บริการดังกล่าวประจำเป็นปกติธุระค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการต่างๆจึงเป็นสินจ้างที่โจทก์เรียกเก็บจากจำเลยผู้ใช้บริการแม้โจทก์จะเป็นรัฐวิสาหกิจตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทยพ.ศ.2519ก็ตามโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่างๆเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา165(7)ซึ่งมีอายุความ2ปี.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่าบริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศ อายุความ 2 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 165(7) เนื่องจากโจทก์เป็นผู้ให้บริการและเรียกเก็บค่าบริการ
โจทก์เป็นรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศแก่ประชาชนประจำเป็นปกติธุระค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการต่างๆจึงเป็นสินจ้างที่โจทก์เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการเมื่อโจทก์ในฐานะผู้ค้าในการรับทำการงานต่างๆฟ้องเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นจึงต้องอยู่ในอายุความ2ปีตามป.พ.พ.มาตรา165(7).