พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำคุกและรอการลงโทษ: ศาลอุทธรณ์แก้เป็นรอการลงโทษ แม้ยังคงลงโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี ทำให้จำกัดสิทธิในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย1ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้รอการลงโทษจำคุกและคุมประพฤติจำเลยไว้ถือว่าเป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินหนึ่งปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา219.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 255/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท – ฉ้อโกง – คืนเงินให้ผู้เสียหาย
ฟ้องว่าจำเลยปลอมบันทึกขออนุมัติเดินทางไปราชการและยืมเงินทดรองจ่ายกับปลอมสัญญายืมเงินในวันเดียวกันการปลอมทั้งสองครั้งตามฟ้องข้อก.และข.เพื่อนำไปแสดงขอรับเงิน2,500บาทจากพนักงานการเงินพนักงานการเงินหลงเชื่อจึงจ่ายเงินให้ไปดังนี้การกระทำตามฟ้องข้อก.และข.ก็โดยมีเจตนาที่จะนำไปใช้เป็นหลักฐานในการหลอกลวงพนักงานการเงินตามฟ้องข้อค.เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่จำเลยปลอมจนถึงเวลาที่ใช้เอกสารปลอมเพื่อหลอกลวงรับเงินจากพนักงานการเงินจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทมิใช่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมกัน. โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้เงินของผู้เสียหายไปโดยการหลอกลวงและคดีฟังได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกงด้วยดังนี้ศาลต้องพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้จำนวนเงินตามที่โจทก์ขอมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา43.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงและอำนาจมอบคดี
อ.เป็นพนักงานของธนาคารทำหน้าที่แทนธนาคารจ่ายเงินให้จำเลยไปเงินที่อ.จ่ายไปเป็นเงินของธนาคารไม่ใช่เงินของอ.ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหายการที่อ.ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องจ่ายเงินผิดพลาดไปและนำเงินส่วนตัวมาเข้าบัญชีที่จ่ายผิดไปเป็นความรับผิดชอบระหว่างอ.กับธนาคารหาทำให้อ.เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจร้องทุกข์แก่เจ้าพนักงานไม่การที่อ.ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานยักยอกแก่จำเลยจึงไม่เป็นการร้องทุกข์มอบคดีโดยผู้เสียหายตามระเบียบพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: ผู้เสียหายที่แท้จริงและอำนาจมอบคดี
อ.เป็นพนักงานของธนาคารทำหน้าที่แทนธนาคารจ่ายเงินให้จำเลยไป เงินที่ อ. จ่ายไปเป็นเงินของธนาคารไม่ใช่เงินของ อ. ธนาคารจึงเป็นผู้เสียหาย การที่ อ. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องจ่ายเงินผิดพลาดไปและนำเงินส่วนตัวมาเข้าบัญชีที่จ่ายผิดไป เป็นความรับผิดชอบระหว่าง อ. กับธนาคารหาทำให้ อ. เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจร้องทุกข์แก่เจ้าพนักงานไม่ การที่ อ.ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานยักยอกแก่จำเลยจึงไม่เป็นการร้องทุกข์มอบคดีโดยผู้เสียหายตามระเบียบ พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิดป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 74 ทวิ ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจได้
จำเลยกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปรวมปริมาตรเกินกว่า0.20ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่ไม้ฯมาตรา48และใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำผิดรถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ต้องริบตามมาตรา74ทวิศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจไม่ริบรถยนต์ของกลางได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 204/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจไม่ริบได้
จำเลยกระทำผิดฐานมีไม้หวงห้ามแปรรูปรวมปริมาตรเกินกว่า0.20ลูกบาศก์เมตรไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯมาตรา48และใช้รถยนต์ของกลางเป็นยานพาหนะในการกระทำผิดรถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ต้องริบตามมาตรา74ทวิศาลไม่อาจใช้ดุลพินิจไม่ริบรถยนต์ของกลางได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ตามกำหนดเวลา ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และกำหนดเวลาให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์แต่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่กำหนดนั้นถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 188/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งอุทธรณ์และการจำหน่ายคดีเนื่องจากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์
การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และกำหนดเวลาให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์แต่จำเลยมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาที่กำหนดนั้นถือว่าจำเลยทิ้งอุทธรณ์ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งและการไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ฎีกาจำเลยมิได้โต้เถียงว่าจำเลยยังไม่ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดเวลาให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไรฎีกาในข้อที่ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะทิ้งอุทธรณ์ก็ดี หรืออุทธรณ์เพื่อต้องการให้ศาลสูงวินิจฉัยก็ดี มิใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา249.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชัดแจ้ง – การไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และการร้องขอความเห็นใจจากศาล ถือเป็นฎีกาที่ต้องห้าม
ฎีกาจำเลยมิได้โต้เถียงว่า จำเลยยังไม่ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดเวลาให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างไร ฎีกาในข้อที่ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะทิ้งอุทธรณ์ก็ดี หรืออุทธรณ์เพื่อต้องการให้ศาลสูงวินิจฉัยก็ดี มิใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้ง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249