พบผลลัพธ์ทั้งหมด 238 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: การแบ่งหน้าที่ชัดเจนถือเป็นตัวการ ไม่ใช่ผู้สนับสนุน
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้.
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การแบ่งหน้าที่ความผิด ผู้สนับสนุน vs ผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยที่ 1 ถอดหลังคารถเพื่อความคล่องตัวในการนำรถไปใช้กระทำความผิดและใช้รถหลบหนี โดยจำเลยที่ 1 รู้มาแต่แรกว่าคนร้ายให้ขับรถไปเพื่อฆ่าผู้อื่น แล้วจำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายไป จอดรถที่ถนนหน้าร้านผู้ตาย ติดเครื่องรออยู่ให้คนร้ายลงจากรถไปใช้อาวุธปืนยิงเร็วยิงผู้ตายกับพวกประมาณ 50 คนที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่แล้วคนร้ายกลับมาขึ้นรถ จำเลยที่ 1 ขับรถพาคนร้ายหลบหนีไป การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำความผิดที่ร่วมกันไปฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมิใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุนในการกระทำความผิด
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้
โจทก์มิได้อุทธรณ์ ฎีกาขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาจึงจะลงโทษจำเลยที่ 1 หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษไม่ได้
ศาลล่างปรับบทกฎหมายไม่ถูกต้อง แม้โจทก์จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550-1551/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการขายทอดตลาดต้องพิสูจน์การดำเนินการที่ไม่สุจริตหรือขัดกฎหมาย ราคาประเมินเป็นเกณฑ์สำคัญ
การจะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้นั้น ต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดโดยไม่สุจริตหรือมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อบังคับที่กำหนดไว้ว่าด้วยวิธีการขายทอดตลาดเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มิได้ต่ำกว่าราคาประเมินแม้แต่รายเดียวและไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้ระแวงว่าการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการโดยไม่สุจริต ข้อที่อ้างว่าจำเลยมีเวลาจะสามารถหาคนมาประมูลซื้อได้ราคาสูงกว่า และหากขายไปจะทำให้จำเลยเดือดร้อน ไม่ใช่เหตุที่จะเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ การขายทอดตลาดจึงเป็นไปโดยชอบ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่กำหนดเวลาชำระชัดเจน ไม่ถือเป็นหนี้มีกำหนดแน่นอน ผู้ค้ำประกันยังคงรับผิด
โจทก์เรียกเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าโดยทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้เป็นรายเดือนทุกเดือน แต่โจทก์ก็ไม่ได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าจะเรียกเก็บวันใดการส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีกำหนดเวลา สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนเมื่อโจทก์ยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ลูกหนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน ค้ำประกันยังต้องรับผิดแม้เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลา
แม้โจทก์จะเรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเป็นรายเดือนทุกเดือน แต่ก็มิได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าโจทก์จะเรียกเก็บวันใดการเรียกเก็บโจทก์จะทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ทราบเพื่อให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน การที่โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทราบนั้นก็ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนว่าเป็นวันใด สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้จึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถามถือไม่ได้ว่าเป็นหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนตาม ป.พ.พ.มาตรา 700 แม้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ก็หาทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามบทบัญญัติมาตราดังกล่าวไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1480/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าไม่มีกำหนดเวลาชำระแน่นอน ผู้ค้ำประกันยังคงมี責任
โจทก์เรียกเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าโดยทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้เป็นรายเดือนทุกเดือน แต่โจทก์ก็ไม่ได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าจะเรียกเก็บวันใดการส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีกำหนดเวลา สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบ กำหนดเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนเมื่อโจทก์ยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ลูกหนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งทุเลาการบังคับเป็นอำนาจเฉพาะของแต่ละศาล โจทก์ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้
การสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นอำนาจโดยเฉพาะของศาลแต่ละชั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับต่อศาลอุทธรณ์ ย่อมเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่ง โจทก์จะฎีกาคำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกาไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่เป็นการแสดงเจตนาลวง
การที่จำเลยที่ 1 ไปขอกู้ยืมเงินจากบุคคลภายนอกแต่บุคคลภายนอกไม่เชื่อถือฐานะของจำเลยที่ 1 โดยจะให้กู้เฉพาะ บริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เท่านั้น จำเลยที่ 1 จึงขอร้องให้โจทก์ไปทำการกู้เงินจากบุคคลภายนอกมาให้จำเลยที่ 1 กู้อีกทอดหนึ่ง โดยจำเลยที่ 1 ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ยึดถือไว้นั้นตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์ดังกล่าวหาใช่เป็นการออกด้วยการแสดงเจตนาลวงตาม ป.พ.พ. มาตรา 118 วรรคหนึ่งแต่อย่างใดไม่ แต่เป็นการออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมที่จำเลยที่ 1 กู้ไปจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 หาได้มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับบุคคลภายนอกในหนี้ดังกล่าวไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่ถือเป็นการแสดงเจตนาลวง แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ให้กู้เดิม
โจทก์ยืมเงินจาก ท. มาให้จำเลยยืมอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ ท. เลยและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้เงินยืมให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวง จำเลยจึงต้องชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อชำระหนี้เงินยืม ไม่ถือเป็นการแสดงเจตนาลวง แม้ไม่มีนิติสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ให้ยืม
โจทก์ยืมเงินจาก ท. มาให้จำเลยยืมอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ ท. เลยและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินชำระหนี้เงินยืมให้โจทก์ ตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่ได้ออกให้โจทก์ไว้เพื่อทำให้ผู้ใดหลงผิดอันเป็นการแสดงเจตนาลวง จำเลยจึงต้องชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์.