พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกาย: เจตนาฆ่าหรือไม่ พิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วันซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาจากพฤติการณ์และบาดแผล
จำเลยเมาสุราใช้มีดยาวประมาณ 7-8 นิ้ว แทงไปที่ท้องของผู้เสียหาย ขณะยืนห่างผู้เสียหายประมาณ 2 เมตร ในระหว่างเกิดเหตุชุลมุนกัน สภาพเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุเช่นนั้น จำเลยไม่มีโอกาสเลือกแทงผู้เสียหายและไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะแทงตรงส่วนสำคัญของร่างกาย ทั้งการแทงดังกล่าวก็ไม่ถูกผู้เสียหายด้วย ส่วนการที่จำเลยแทงผู้เสียหายครั้งที่สองในขณะที่ผู้เสียหายหันหลังวิ่งหนีนั้นก็ปรากฏว่ามีบาดแผลบริเวณไหล่ซ้ายด้านหลัง ยาวประมาณ 3 เซนติเมตรใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน ซึ่งเป็นบาดแผลที่มิใช่ส่วนสำคัญของร่างกายและไม่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน ตามพฤติการณ์และบาดแผลที่จำเลยแทงผู้เสียหายดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ไม่จำเป็นต้องทำพร้อมกับการทำสัญญา สามารถทำภายหลังได้และใช้เป็นหลักฐานได้
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 มิได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญา ดังนั้น แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์มาแต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์หลังทำสัญญา ไม่กระทบการใช้เอกสารเป็นหลักฐานได้
ป.รัษฎากร มาตรา 118 มิได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญา ดังนั้น แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์มาแต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 354/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ไม่จำเป็นต้องทำทันทีที่ทำสัญญา ศาลรับฟังพยานหลักฐานได้เมื่อดำเนินการครบถ้วน
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 มิได้บังคับให้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญา ดังนั้น แม้มิได้ปิดและขีดฆ่าอากรแสตมป์มาแต่แรกในขณะทำสัญญา แต่เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนและขีดฆ่าแล้วในขณะฟ้องคดีนี้ก็รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้: จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนรู้เห็น จึงไม่มีความผิด
จำเลยที่ 1 โอนสิทธิการเช่าตึก ซึ่งจำเลยที่ 1 นำมาค้ำประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำไว้กับโจทก์ในศาล และโอนทรัพย์สินอื่นที่โจทก์นำยึดไว้ให้จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้รู้เห็นในเรื่องที่จำเลยที่ 1 ได้นำสิทธิการเช่าตึกดังกล่าวไปค้ำประกันการชำระหนี้ไว้กับโจทก์ และการที่จำเลยที่ 2ร้องขัดทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จึงไม่มีมูล.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาคดีอาวุธปืน: การระบุข้อกฎหมายรองในคำฟ้อง
กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) เพียงแต่กำหนดประเภทชนิด และขนาดของอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้เท่านั้น หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดอาญาไม่ การที่โจทก์ไม่ได้ระบุกฎกระทรวงมาในคำขอท้ายฟ้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6).(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาอาวุธปืน: ไม่จำเป็นต้องอ้างถึงกฎกระทรวงที่ออกตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ
กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) เพียงแต่กำหนดประเภทชนิด และขนาดของอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ นาย ทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้เท่านั้น หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดอาญาไม่ การที่โจทก์ไม่ได้ระบุกฎกระทรวงมาในคำขอท้ายฟ้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อป.วิ.อ. มาตรา 158(6).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทการครอบครองที่ดิน: จำเลยครอบครองที่ดินของตนเองหรือไม่?
ครั้งแรกศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยขออาศัยอยู่ในโฉนดเลขที่ 2669 และ 2670 ของโจทก์หรือไม่ เมื่อสืบพยานเสร็จแล้วศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นใหม่ว่า ที่ดินที่จำเลยครอบครองทำกินและปลูกบ้านเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 2669 และ 2670 หรือไม่ ดังนี้ ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดทั้งสองครั้งแม้ถ้อยคำจะแตกต่างกันบ้าง แต่ความหมายคงเป็นอย่างเดียวกันคือ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยสิทธิโจทก์ตามฟ้อง หรือจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ของจำเลยตามข้อต่อสู้ของจำเลย.(ที่มา-เนติ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: กรณีความขัดแย้งเรื่องหนี้สินและการเตรียมอาวุธ
ผู้ตายยืมเงินจำเลยไปโดยเอาเข็มขัดนากปลอมให้ไว้เป็นประกันจำเลยทวงถาม ผู้ตายชำระเงินคืนให้บ้าง ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน ผู้ตายต่อว่าจำเลยเกี่ยวกับเรื่องเงินที่ผู้ตายยืมและจะใช้อาวุธปืนยิงจำเลย ถึงกับจำเลยต้องบอกว่าเรื่องเงินให้แล้วกันไป ทำให้จำเลยมีความเจ็บใจคิดหาโอกาสทำร้ายผู้ตายตลอดมา ก่อนเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าได้มีการโต้เถียงกันอันจะเป็นเหตุให้จำเลยยิงผู้ตายในขณะนั้น ทั้งไม่มีสาเหตุอื่นที่จำเลยจะยิงผู้ตาย การที่จำเลยมีความเจ็บใจและคิดหาโอกาสทำร้ายผู้ตายเมื่อมีโอกาสจึงใช้อาวุธปืนที่เตรียมติดตัวไปยิงผู้ตาย ถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)