คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพรัช วงศ์วัฒนะ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำร้ายร่างกาย: การประเมินจากบาดแผลและพฤติการณ์เพื่อวินิจฉัยความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีและใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายมีบาดแผลทั้งสิ้น5แผลคือที่หน้าผากด้านขวายาวประมาณ2.5ซ.ม.หน้าผากด้านซ้ายยาวประมาณ3ซ.ม.เหนือหูขวายาวประมาณ3ซ.ม.แขนซ้ายยาวประมาณ2ซ.ม.อกด้านซ้ายยาวประมาณ1ซ.ม.เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายซึ่งลึกประมาณ1ซ.ม.เพียงแต่ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธมิได้ถูกกระดูกแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาหายภายใน7วันบาดแผลที่จำเลยทำร้ายผู้เสียหายแต่ละแผลไม่อาจทำให้ผู้เสียหายเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เมื่อเกิดเหตุแล้วมีคนมาจับจำเลยไว้และขอร้องไม่ให้แทงผู้เสียหายอีกจำเลยก็ยอมเชื่อฟังกรณีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าคงผิดแต่เพียงฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ไม่ถึงแก่ชีวิต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่มีเจตนาฆ่า
จำเลยใช้ขวดสุราตีหน้าผากผู้เสียหาย 1 ครั้ง มีบาดแผลที่หน้าผากด้านซ้าย ด้านขวาและเหนือหูขวา ยาว 3, 2.5, และ 3 เซนติเมตรตามลำดับ และใช้มีดแทงผู้เสียหายถูกแขนซ้ายและอกด้านซ้ายมีบาดแผลยาว 2 และ 1 เซนติเมตรตามลำดับ เฉพาะแผลที่อกด้านซ้ายลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ถูกกล้ามเนื้อไม่ทะลุเข้าไปถึงอวัยวะภายในและอาวุธที่ใช้มิได้ถูกกระดูกเมื่อเกิดเหตุแล้วมีผู้อื่นเข้ามาห้าม จำเลยก็เชื่อฟัง เหตุทำร้ายเพราะผู้เสียหายต่อว่าจำเลยว่าเป็นสายลับให้ตำรวจ ตามลักษณะบาดแผลและตามพฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าว ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันชิงทรัพย์: การแบ่งหน้าที่แสดงเจตนาพิเศษร่วมกันกระทำผิด
จำเลยกับ ว. ไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและคุยกันอยู่เป็นเวลาถึง 10 นาที จึงแยกกันไปรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ พอ ว. กระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายวิ่งหนี ป. ไปได้เพียง 7.8 เมตร จำเลยก็เข้าขัดขวางโดยกำหมัดยกแขนจะทำร้าย ป. ทันทีการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกับ ว.ตกลงกันมาก่อนแล้วว่าเมื่อเกิดเหตุจำเลยมีหน้าที่กระทำอย่างไร เป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันกระทำและเป็นการร่วมกับ ว. ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำที่แสดงเจตนาตกลงร่วมกันก่อนลงมือชิงทรัพย์ ถือเป็นการกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์ร่วมกัน
จำเลยกับว.ไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและคุยกันอยู่เป็นเวลาถึง10นาทีจึงแยกกันไปรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุพอว.กระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายวิ่งหนีป.ไปได้เพียง7.8เมตรจำเลยก็เข้าขัดขวางโดยกำหมัดยกแขนจะทำร้ายป.ทันทีการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยกับว.ตกลงกันมาก่อนแล้วว่าเมื่อเกิดเหตุจำเลยมีหน้าที่กระทำอย่างไรเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันกระทำและเป็นการร่วมกับว.ทำการชิงทรัพย์ผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 463/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการชิงทรัพย์: การแบ่งหน้าที่และเจตนาพิเศษ
จำเลยกับว. ไปยังที่เกิดเหตุด้วยกันและคุยกันอยู่เป็นเวลาถึง10นาทีจึงแยกกันไปรออยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุพอว. กระชากเอาสร้อยคอของผู้เสียหายและวิ่งหนีป. สามีผู้เสียหายไปได้เพียง7-8เมตรจำเลยก็เข้าขัดขวางโดยกำหมัดยกแขนจะทำร้ายป. ทันทีแสดงว่าจำเลยกับว. แบ่งแยกหน้าที่กันทำและเป็นการร่วมกันชิงทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ไม่เพียงพอพิสูจน์แผนการร่วมกัน
เพียงแต่จำเลยร่วมกับน. ฆ่าผู้ตายโดยน. ให้จำเลยเดินข้างหน้าแล้วน. เดินแซงจำเลยขึ้นไปยิงผู้ตายยังไม่พอฟังว่าน. และจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พฤติการณ์ไม่เพียงพอฟังว่าวางแผนร่วมกัน
เพียงแต่จำเลยร่วมกับน.ฆ่าผู้ตายโดยน.ให้จำเลยเดินข้างหน้าแล้วน.เดินแซงจำเลยขึ้นไปยิงผู้ตายยังไม่พอฟังว่าน.และจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดนายจ้างจากอุบัติเหตุขณะลูกจ้างนำรถกลับบ้าน ถือเป็นการปฏิบัติงาน
นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วย ในเมื่อลูกจ้างจะได้อาศัยรถกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้น การที่ลูกจ้างขับรถกลับบ้านแล้วเกิดเหตุ จึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของนายจ้าง มิใช่เพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของลูกจ้างนายจ้างและผู้รับประกันภัยจากนายจ้างจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกทำละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างต้องรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุจากรถที่ลูกจ้างนำกลับบ้านได้ หากเป็นการอนุญาตเพื่อความสะดวกและเป็นประโยชน์ต่อการทำงาน
นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างนำรถกลับบ้านนับได้ว่าเป็นความสะดวกที่นายจ้างพึงให้แก่ลูกจ้างเมื่อลูกจ้างนำรถนั้นไปจึงเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายจ้างซึ่งเป็นประโยชน์แก่นายจ้างเองอีกด้วยในเมื่อลูกจ้างจะได้อาศัยรถกลับมาทำงานให้นายจ้างในวันรุ่งขึ้นการที่ลูกจ้างขับรถกลับบ้านแล้วเกิดเหตุจึงต้องถือว่าอยู่ในกรอบแห่งทางการที่จ้างของนายจ้างมิใช่เพียงการให้ยืมไปใช้เป็นส่วนตัวของลูกจ้างนายจ้างและผู้รับประกันภัยจากนายจ้างจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้ถูกทำละเมิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งเจตนาฆ่าหลังศาลวินิจฉัยประเด็นป้องกันตัวแล้ว
การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยแทงผู้ตายและแทงผู้เสียหายเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุแล้วพิพากษายกฟ้องและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยแทงผู้ตายเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุและแทงผู้เสียหายโดยมิได้มีเจตนาฆ่าแต่มีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจึงลงโทษฐานทำร้ายผู้เสียหายนั้นทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์จะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้ตายและผู้เสียหายตรงอวัยวะส่วนสำคัญของร่างกายจำเลยมีเจตนาฆ่าซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงมิได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
of 46