คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสวก จันทร์ผ่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน การซื้อขายไม่ตรงกับราคาจริง และการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ตามส่วน
จำเลยเป็นฝ่ายออกเงินซื้อที่ดินแปลงพิพาททั้งหมดในราคา 60,000 บาท แล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมด้วย การที่สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระบุว่าตกลงซื้อขายกันในราคา 25,000 บาทแต่จำเลยนำสืบว่าซื้อมาในราคา 60,000 บาทเป็นการนำสืบถึงความเป็นจริงในระหว่างผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ย่อมนำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของตนครึ่งหนึ่งทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีส่วนเพียง 1 ใน 3 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมด ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งตามความเป็นจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(2)
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง แม้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมีโฉนดที่โจทก์ครอบครอง โดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งของโฉนด แม้มิได้ขอเจาะจงว่าที่ดินส่วนใดเป็นของโจทก์ แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทตอนใต้ของถนนเนื้อที่ 1 ใน 3 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน1301/2 ตารางวาเป็นของโจทก์ ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทด้านทิศใต้ของถนนตลอดแนวเป็นของโจทก์ได้ หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือคำฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2961/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน: ศาลพิพากษาตามส่วนแบ่งจริงเมื่อข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงจากที่ตกลง
จำเลยเป็นฝ่ายออกเงินซื้อที่ดินแปลงพิพาททั้งหมดในราคา 60,000 บาท แล้วใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมด้วย การที่สัญญาซื้อขายที่ดินพิพาทระบุว่าตกลงซื้อขายกันในราคา 25,000 บาท แต่จำเลยนำสืบว่าซื้อมาในราคา 60,000 บาท เป็นการนำสืบถึงความเป็นจริงในระหว่างผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ย่อมนำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 (ข)
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าเป็นของตนครึ่งหนึ่ง ทางพิจารณาได้ความว่าโจทก์มีส่วนเพียง 1 ใน 3 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมด ศาลพิพากษาให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งตามความเป็นจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 (2)
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง แม้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอแบ่งที่ดินมีโฉนดที่โจทก์ครอบครอง โดยอ้างว่าเป็นของโจทก์ครึ่งหนึ่งของโฉนด แม้มิได้ขอเจาะจงว่าที่ดินส่วนใดเป็นของโจทก์ แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทตอนใต้ของถนนเนื้อที่ 1 ใน 3 ส่วนของเนื้อที่ทั้งหมด จำนวน130 1/2 ตารางวาเป็นของโจทก์ ศาลย่อมพิพากษาว่าที่พิพาทด้านทิศใต้ของถนนตลอดแนวเป็นของโจทก์ได้ หาเป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือคำฟ้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตขาดอำนาจฟ้องเรียกเงินตามเช็คได้
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยโจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริตโจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตไม่มีอำนาจเรียกร้องเงินตามเช็คได้
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ทรงเช็คที่ไม่สุจริตไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็ค
โจทก์รับสมอ้างเป็นผู้ทรงเช็คผู้ถือและนำเช็คมาฟ้องเรียก เงินจากจำเลย โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยสุจริต โจทก์ย่อมไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คนั้นแก่ตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2760/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตของผู้ทรงเช็คพิพาท: การโอนเช็คโดยไม่ขอสลักหลังและพยานหลักฐาน
ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์เป็นผู้ทรงได้รับโอนเช็คพิพาทซึ่งออกให้แก่ผู้ถือมาจากผู้รับเงินโดยไม่ได้ขอให้ผู้รับเงินซึ่งโจทก์รู้จักดีสลักหลังหรือทำหลักฐานให้ไว้ทั้งที่โจทก์ไม่รู้จักจำเลยผู้สั่งจ่ายประกอบกับในคดีนี้โจทก์ก็ไม่ได้อ้างและนำสืบผู้รับเงินซึ่งเป็นพยานสำคัญมาสนับสนุนคำเบิกความของตนที่เบิกความลอยๆเป็นข้อพิรุธอันแสดงว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยสุจริตไม่มีมูลหนี้ที่จะเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทแก่ตนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียมตามฟ้อง: ศาลมีดุลพินิจพิจารณาเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้คดีประกอบพฤติการณ์ดำเนินคดีได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดเป็นเงิน187,031บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่1รับผิดเป็นเงิน139,000บาทโดยให้จำเลยที่5ร่วมรับผิดเป็นเงิน100,000บาทแม้จำเลยที่5ไม่ต้องรับผิดเต็มตามฟ้องแต่เมื่อคำนึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยที่5แล้วศาลให้จำเลยที่5ร่วมรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเต็มตามฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียม: ดุลพินิจศาลพิจารณาเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้คดี แม้จำเลยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดเป็นเงิน 187,031 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดเป็นเงิน 139,000 บาทโดยให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดเป็นเงิน 100,000 บาท แม้จำเลยที่ 5 ไม่ต้องรับผิดเต็มตามฟ้อง แต่เมื่อคำนึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของ จำเลยที่ 5 แล้ว ศาลให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเต็มตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2745/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าฤชาธรรมเนียม: ดุลพินิจศาลในการพิจารณาความสุจริตและพฤติการณ์ของคู่ความ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมกันรับผิดเป็นเงิน 187,031 บาทศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดเป็นเงิน 139,000 บาทโดยให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดเป็นเงิน 100,000 บาท แม้จำเลยที่5 ไม่ต้องรับผิดเต็มตามฟ้อง แต่เมื่อคำนึงเหตุสมควรและความสุจริตในการสู้ความประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยที่ 5 แล้ว ศาลให้จำเลยที่ 5 ร่วมรับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเต็มตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างก่อสร้าง: ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบความเสียหายจากบกพร่อง แม้ผู้ว่าจ้างมิได้จ้างซ่อมแซมก่อนฟ้อง
สัญญาจ้างกำหนดว่าหากถนนที่ทำการก่อสร้างชำรุดเสียหายภายใน1ปีนับแต่วันส่งมอบงานและความชำรุดเสียหายนั้นเกิดจากความบกพร่องของผู้รับจ้างผู้รับจ้างต้องจัดการแก้ไขให้เรียบร้อยภายในเวลาที่ผู้ว่าจ้างกำหนดถ้าบิดพลิ้วไม่แก้ไขภายใน15วันผู้ว่าจ้างมีสิทธิจ้างผู้อื่นให้ทำการซ่อมแซมได้โดยผู้รับจ้างยอมเสียค่าจ้างและค่าใช้จ่ายให้ทั้งสิ้นข้อสัญญาเช่นนี้เพียงแต่ให้สิทธิผู้ว่าจ้างที่จะว่าจ้างให้ผู้อื่นซ่อมแซมได้เท่านั้นผู้ว่าจ้างอาจไม่ใช้สิทธินั้นก็ได้มิได้หมายความว่าจะต้องว่าจ้างผู้อื่นซ่อมแซมเสียก่อนแล้วจึงจะมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับจ้างได้ฉะนั้นแม้โจทก์ผู้ว่าจ้างจะมิได้จ้างให้ผู้อื่นทำการซ่อมแซมถนนพิพาทเสียก่อนก็ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยผู้รับจ้างได้กรณีมิใช่เป็นเรื่องสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับกันได้.
of 38