พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1699/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหสถานและการพยายามฆ่าเพื่อขัดขวางการถูกขัดขวางเอาทรัพย์คืน แม้มีเหตุผลในการเข้าไป แต่การกระทำต้องไม่เป็นอันตราย
แม้จำเลยจะได้จำนำรถจักรยานของจำเลยไว้กับผู้เสียหายจำเลยก็ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะลักลอบเข้าไปเอารถจักรยานดังกล่าวในบ้านของผู้เสียหายในเวลา 5.30 น. จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก
จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อเอารถจักรยานของจำเลย เมื่อผู้เสียหายส่องไฟฉายมาที่จำเลย จำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วจึงเอารถจักรยานไป พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยกระทำไปเพื่อปกปิดความผิดฐานบุกรุก จำเลยอาจยิงผู้เสียหายเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายขัดขวางการเข้าไปเอารถจักรยานของจำเลยในบ้านผู้เสียหายก็ได้ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงความผิดในส่วนนี้ของจำเลย จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบกับมาตรา 80 ไม่ได้
จำเลยเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเพื่อเอารถจักรยานของจำเลย เมื่อผู้เสียหายส่องไฟฉายมาที่จำเลย จำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายแล้วจึงเอารถจักรยานไป พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจำเลยกระทำไปเพื่อปกปิดความผิดฐานบุกรุก จำเลยอาจยิงผู้เสียหายเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายขัดขวางการเข้าไปเอารถจักรยานของจำเลยในบ้านผู้เสียหายก็ได้ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องถึงความผิดในส่วนนี้ของจำเลย จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ประกอบกับมาตรา 80 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลตเตอร์ออฟเครดิต: ธนาคารมีหน้าที่จ่ายเงินเมื่อเอกสารครบถ้วน แม้สินค้าไม่ส่งถึง
ตามคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้โจทก์จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ผู้ขายไปได้เมื่อมีการยื่นตั๋วแลกเงินใบตราส่งสินค้าทางเรือครบชุดใบกำกับสินค้าพร้อมลายมือชื่อใบรับรองหรือกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เมื่อจำเลยได้รับเอกสารดังกล่าวนั้นแล้วเมื่อใบตราส่งสินค้าทางเรือแสดงว่าได้มีการบรรทุกสินค้าขึ้นระวางเรือแล้วธนาคารตัวแทนของโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายไปโจทก์หรือธนาคารตัวแทนของโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องตรวจตราว่าความจริงสินค้าได้บรรทุกลงเรือแล้วหรือไม่.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานพยายามฆ่า พิจารณาจากอาวุธปืนที่ใช้และบาดแผลของผู้ถูกยิง
จำเลยใช้ปืนยิง ร. ในระยะใกล้เพียง 1 วา กระสุนปืนถูก ร.ลึกฝังใต้ผิวหนังรักษา 10 วันหาย และกระสุนปืนพลาดไปถูก ช.บาดแผลผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา 5 วันหาย ไม่ได้ความจากแพทย์ว่า ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ ถือว่าจำเลยมุ่งประสงค์จะฆ่า แต่ปืนอันเป็นปัจจัยในการที่จำเลยใช้ยิงไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าแต่ปืนไม่บรรลุผล: ลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้ปืนยิงร.ในระยะใกล้เพียง1วากระสุนปืนถูกร.ลึกฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายและกระสุนปืนพลาดไปถูกช.บาดแผลผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายไม่ได้ความจากแพทย์ว่าถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ถือว่าจำเลยมุ่งประสงค์จะฆ่าแต่ปืนอันเป็นปัจจัยในการที่จำเลยใช้ยิงไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา81.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยายามฆ่าโดยใช้ปืน แต่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ศาลลดโทษตามมาตรา 81
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะใกล้เพียง1วาแต่กระสุนปืนถูกผู้เสียหายคนหนึ่งลึกเพียงฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายส่วนกระสุนที่พลาดไปถูกผู้เสียหายอีกคนหนึ่งก็มีบาดแผลเพียงผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายเป็นการพยายามกระทำความผิดที่ไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ตามป.อ.มาตรา81.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด: การช่วยเหลือเจรจาและแจ้งข้อมูลการนัดหมาย
เมื่อผู้ล่อซื้อไปพบจำเลยที่ 1 ครั้งแรกและเจรจาซื้อขายเฮโรอีนกัน จำเลยที่ 2 ได้ช่วยเจรจาซื้อขายด้วย ช่วยแนะนำวิธีบรรจุเฮโรอีน และเมื่อผู้ล่อซื้อไปติดต่อในครั้งต่อ ๆ มา จำเลยที่ 2 ก็ช่วยแจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 1 ไม่อยู่กำลังไปจัดหาเฮโรอีนมาให้และแจ้งเวลานัดหมายให้มาพบจำเลยที่ 1 ใหม่ได้เมื่อใด การกระทำของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและการสนับสนุนการกระทำผิด จำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้จัดการเกสท์เฮ้าส์ นำม.ผู้ติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนไปเปิดห้องพักในเกสท์เฮ้าส์ เอาเฮโรอีนออกมาจากตู้เสื้อผ้ามาขายให้ ม. จำเลยที่ 1 จึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน เมื่อ ม. ไปพบจำเลยที่ 1 ครั้งแรก และเจรจาซื้อขายเฮโรอีนกัน จำเลยที่ 2 ได้ช่วยเจรจาซื้อขายอยู่ด้วยช่วยแนะนำถึงวิธีบรรจุเฮโรอีน เมื่อ ม. ไปติดต่อในครั้งต่อ ๆ มา จำเลยที่ 2 ก็ช่วยแจ้งให้ทราบว่าจำเลยที่ 1ไม่อยู่กำลังไปจัดหาเฮโรอีนมาให้ และแจ้งเวลานัดหมายให้มาพบจำเลยที่ 1 ใหม่ ดังนี้ เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 2จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษพนัน: 'พ้นโทษ' หมายถึงโทษที่ได้รับจริง ไม่รวมการรอการลงโทษ
คำว่า"พ้นโทษ"ตามมาตรา14ทวิแห่งพ.ร.บ.การพนันพ.ศ.2478ก็คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกจึงไม่มีวันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา14ทวินี้ได้ การที่ศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ก็มิใช่โทษซึ่งเมื่อครบกำหนดตามที่รอไว้แล้วจะถือว่าเป็นการพ้นโทษไปในตัวตามป.อ.มาตรา58วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา56ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรกก็ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกลงโทษในคดีนั้นแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าผู้นั้นหรือจำเลยไม่เคยถูกลงโทษจำคุกมาก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา จำเลยรู้เห็นข้อเท็จจริงแต่เบิกความปฏิเสธ เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุของโจทก์ เมื่อผู้ใหญ่บ้านและโจทก์มาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดการที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาสอบถาม จำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลและข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่าข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยอาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหายซึ่งตามข้อความดังกล่าวย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา: การเบิกความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่รู้เห็น และมีผลต่อการพิจารณาคดี
จำเลยรู้เห็นว่า ใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุ และเมื่อมีผู้อื่นมาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นมาว่าใครเป็นคนตัด ดังนี้ การที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อมีผู้อื่นมาสอบถามจำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่า ข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้น เป็นข้อสำคัญในคดี แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลย อาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหาย ซึ่งตามข้อความดังกล่าวนี้ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่า ข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้น เป็นข้อสำคัญในคดี แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลย อาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหาย ซึ่งตามข้อความดังกล่าวนี้ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177