คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสวก จันทร์ผ่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลดหย่อนภาษีโรงเรือนสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม: เครื่องจักรกลไกสำคัญ แม้ไม่ใช่เครื่องกระทำ/กำเนิดสินค้า
แม้โรงเรือนพิพาทของโจทก์ติดตั้งเพียงเครื่องจักรกลไกเป็นส่วนควบที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมเท่านั้น.ไม่ได้ติดตั้งเครื่องจักรประเภทเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าด้วยก็ตามโจทก์ก็ได้รับลดหย่อนค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฯมาตรา13แล้ว. บ้านพักคนงานห้องน้ำห้องส้วมและป้อมยามเป็นโรงเรือนที่โจทก์ให้คนงานเข้าพักอาศัยและใช้สอยในการปฏิบัติหน้าที่เวรยามเพื่อประโยชน์ในการประกอบการอุตสาหกรรมถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนซึ่งเจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาโรงเรือนจึงไม่ได้รับงดเว้นภาษีโรงเรือนตามความหมายของมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินฯแต่อย่างใด.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันหนี้: การออกเช็คโดยที่ผู้รับทราบฐานะทางการเงินของผู้สั่งจ่าย ไม่มีเจตนาใช้เงินจริง ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คให้แก่โจทก์โดยในขณะออกเช็คนั้นโจทก์ทราบถึงฐานะทางการเงินของจำเลยดีว่าไม่มีความสามารถชำระหนี้ตามเช็คได้.การออกเช็คของจำเลยจึงมีลักษณะเพื่อประกันหนี้ทางแพ่งที่จำเลยต้องรับผิดแก่โจทก์เท่านั้นไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการรับเงินค่าช่วยเหลือการติดตามทรัพย์สินที่หายไป ไม่ถือเป็นความผิดฐานรับของโจร
พี่ชายของผู้เสียหายขอให้จำเลยช่วยสืบหาทรัพย์ที่หายไปจำเลยสืบหาจนรู้ว่าทรัพย์อยู่ที่ไหนและพาผู้เสียหายไปเอาทรัพย์คืนมาได้การที่ผู้เสียหายมอบเงินแก่จำเลยเป็นค่าสินน้ำใจที่จำเลยช่วยเหลือจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานรับของโจรและเมื่อเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินค่าไถ่ทรัพย์จำเลยจึงไม่ต้องคืนแก่ผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องและพิพากษาลงโทษจำเลยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงแต่ประการใดจำเลยจะย้อนกลับมาฎีกาคัดค้านข้อเท็จจริงดังกล่าวอีกไม่ได้. จำเลยมีอาวุธปืนพร้อมด้วยกระสุนปืนของกลางจำนวน3นัดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตกระสุนปืนของกลางมีไว้เพื่อใช้กับอาวุธปืนของกลางโดยเฉพาะจำเลยเจตนามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้เพื่อความประสงค์อันเดียวกันการกระทำของจำเลยถือว่าเป็นกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทถึงแม้กระสุนปืนของกลางนั้นจะเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ก็ตาม.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องพิจารณาจากการเป็นผู้เริ่มก่อเหตุ หากผู้ถูกยิงไม่ได้เริ่มก่อน การอ้างป้องกันตัวจึงฟังไม่ได้
จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องเกิดจากการถูกข่มขู่หรือทำร้ายก่อน การท้าทายเพื่อวิวาทไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4815/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน: คำให้การชั้นสอบสวนมีน้ำหนักกว่าคำเบิกความในศาลเมื่อมีเหตุผลสนับสนุน
คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองสอดคล้องตรงกันและได้ให้การหลังเกิดเหตุทันทีโดยไม่มีเวลาคิดไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำผู้หนึ่งผู้ใด เชื่อว่าได้ให้การไปตามความจริงตามที่ได้รู้ได้เห็นโดยไม่มีเหตุจูงใจ หรือถูกบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด พนักงานสอบสวนจึงได้บันทึกและให้พยานลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน การที่พยานโจทก์ทั้งสองมาเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นคนแทงผู้ตายก็คงเพื่อช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดเชื่อได้ว่าคำให้การชั้นสอบสวนของพยานทั้งสองเป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความชั้นศาล ทั้งคำให้การพยานชั้นสอบสวนก็ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาลประการใด เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นตลอดจนพฤติการณ์แห่งคดี เช่น จำเลยนำสืบรับว่าก่อนเกิดเหตุได้มีเหตุวิวาทกับผู้ตาย ย่อมมีน้ำหนักมั่นคงฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4787/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับตามคำพิพากษาถึงบริวาร และการอ้างสิทธิพิเศษจากความเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ได้รับการยินยอม
ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยและอยู่ในที่พิพาทและสิ่งปลูกสร้างซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าที่ดินพิพาทและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารกรณีจึงถือได้ว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยแม้ผู้ร้องจะเป็นบุตรมิชอบด้วยกฎหมาย ของจำเลยก็หาทำให้ผู้ร้องมิได้เป็นบริวารของจำเลยแต่อย่างใด ส่วนข้อที่ผู้ร้องแสดงอำนาจพิเศษว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์สินที่นำมาลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. ซึ่งมีผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ตกลงยินยอมให้ทรัพย์พิพาทเป็นของห้างหุ้นส่วนนั้น ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างตามกฎหมายประการใดที่จะอ้างความเป็นหุ้นส่วนนั้น ขึ้นยันโจทก์ได้ และที่ผู้ร้องอ้างว่ายังมีคดีอีก 2 คดีที่พิพาทกันเกี่ยวแก่ทรัพย์สินคดีนี้และคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น แม้ผู้ร้องจะเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ผู้ร้องสอดซึ่งมรณะ แต่ผู้ร้องก็หามีสิทธิอย่างอื่นนอกเหนือไปกว่า สิทธิของผู้ร้องสอดก่อนมรณะไม่ซึ่งคดี 2 คดีนั้นก็ปรากฏว่าผู้ร้อง มิได้เป็นคู่ความโดยตรง และประเด็นข้อพิพาทต่างกับประเด็น ที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้ ดังนั้นด้วยเหตุผลดังกล่าว ถือได้ว่าผู้ร้อง เป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้ฉะนั้น คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้ร้องด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4591/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เพื่อการอนาจาร: พฤติการณ์เชิงชู้สาวเป็นเหตุสำคัญ
จำเลยซึ่งเป็นชายหนุ่มอายุ 22 ปีเศษ มีภริยาแล้ว พาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุ 12 ปี 11 เดือนเศษ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ตกเย็นก็พากันเข้าพักนอนในโรงแรมห้องและเตียงเดียวกัน แม้จำเลยเพียงแต่จับมือถือแขนมิได้กอดจูบผู้เสียหาย แต่ก็ได้ความว่าเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันได้แยกพักที่โรงแรมคนละคู่และแต่ละคู่ต่างเป็นคนรักกันเช่นเดียวกับผู้เสียหายกับจำเลย แสดงว่าเป็นการกระทำไปในเชิงชู้สาว วันรุ่งขึ้นแทนที่จะพาผู้เสียหายกลับบ้านกลับพาไปอยู่ที่บ้านญาติของจำเลย จนบิดาผู้เสียหายตามไปพบ ดังนี้การกระทำของจำเลยเป็นการพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร
of 38