พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดเกี่ยวพันกัน: การพิจารณาคดีอาวุธปืนและความช่วยเหลือผู้กระทำผิด ต้องปฏิบัติตามวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง หากไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมกันมากับความผิดฐานช่วย ผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษต่อศาลจังหวัดซึ่งมีอำนาจชำระในฐานความผิดต่อ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ โดยอ้างว่าเป็นความผิดเกี่ยวพันกัน แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นความผิดที่แยกเป็นคนละกรรมต่างกัน กฎหมายมิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในคดีความผิดที่เกี่ยวพันกันนั้น ให้ถือเอาคดีที่มีโทษสูงเป็นหลักที่จะพิจารณาว่าต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับหรือไม่ ความผิดฐานช่วย ผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ เมื่อในชั้นสอบสวนมิได้มีการขอผัดฟ้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาความผิดฐานช่วย ผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2899/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญา: ความผิดเกี่ยวพันและการนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้
แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตรวมกันมากับความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษต่อศาลจังหวัดซึ่งมีอำนาจชำระในฐานความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ โดยอ้างว่าเป็นความผิดเกี่ยวพันกัน แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้เป็นความผิดที่แยกเป็นคนละกรรมต่างกัน กฎหมายมิได้บัญญัติเป็นข้อยกเว้นไว้ว่าในคดีความผิดที่เกี่ยวพันกันนั้น ให้ถือเอาคดีที่มีโทษสูงเป็นหลักที่จะพิจารณาว่า ต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับหรือไม่ ความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ จึงต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับ เมื่อในชั้นสอบสวนมิได้มีการขอผัดฟ้องให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติไว้โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องในข้อหาความผิดฐานช่วยผู้อื่นเพื่อไม่ให้ต้องโทษ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขอคืนอากรศุลกากร: ต้องฟ้องภายใน 2 ปีนับจากวันนำเข้า และแจ้งความก่อนส่งมอบของ
สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้น จะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้า เป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนักหรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้ว ยังจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบสินค้าว่าโจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร ดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขอคืนอากร และการแจ้งความก่อนส่งมอบสินค้า
สิทธิในการเรียกร้องหรือในการฟ้องคดีเพื่อเรียกคืนเงินอากรเพราะเหตุที่ได้เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียนั้นจะต้องฟ้องเสียภายในสองปีนับแต่วันที่นำของเข้า และถ้าเป็นการเรียกร้องหรือฟ้องคดีเพื่อขอคืนอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับชนิด คุณภาพ ปริมาณ น้ำหนัก หรือราคาแห่งของใด ๆ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของใด ๆ นอกจากจะต้องเรียกร้องหรือฟ้องคดีภายในสองปีแล้ว ยังจะต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องด้วย
โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบสินค้าว่าโจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร ดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้น.
โจทก์นำสินค้าเข้าเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2521 แต่โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2529 เป็นเวลาล่วงเลยเกินกว่าสองปีนับแต่วันที่นำสินค้าเข้าแล้ว ทั้งโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบสินค้าว่าโจทก์จะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากร ดังนั้นคดีของโจทก์ขาดอายุความแล้วตามนัยที่กล่าวข้างต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในคดีฉ้อโกง แม้เงินไม่ได้ผ่านจำเลยโดยตรง
จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แม้จำเลยเพียงบางคนเป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย จำเลยทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกคน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดร่วมกันในคดีฉ้อโกง: แม้เงินมัดจำจ่ายให้จำเลยอื่น จำเลยที่ร่วมกระทำผิดต้องรับผิดชดใช้ทั้งหมด
จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แม้จำเลยเพียงบางคนเป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย จำเลยทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกคน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2638/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประเมินภาษีตามมาตรา 71(1) มิได้หมายความว่าผู้เสียภาษีไม่ต้องส่งเอกสารใดๆ เลย แม้ส่งเอกสารบางส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ เจ้าพนักงานประเมินก็ยังมีอำนาจ
เมื่อนำความในมาตรา 19 และมาตรา 71(1) แห่ง ป.รัษฎากรมาพิเคราะห์ประกอบกันแล้ว มิได้หมายความถึงกับว่า บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมิได้นำบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานใด ๆ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมินเลย เจ้าพนักงานประเมินจึงจะใช้อำนาจประเมินตามที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากผู้ยื่นรายการนำเอกสารหลักฐานแต่เพียงบางส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของแบบรายการที่ยื่นมาแสดงเจ้าพนักงานประเมินก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้อำนาจประเมินตามมาตรา 71(1)ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2638/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประเมินภาษีตามมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีผู้เสียภาษีไม่นำเอกสารหลักฐานเพียงพอต่อการตรวจสอบ
มาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร มิได้หมายความถึงกับว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมิได้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานใด ๆ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมินเลย เจ้าพนักงานประเมินจึงจะใช้อำนาจประเมินตามที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวได้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากผู้ยื่นรายการนำเอกสารหลักฐานแต่เพียงบางส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบ ความถูกต้องแท้จริงของแบบรายการที่ยื่นมาแสดง เจ้าพนักงานประเมินก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 71 (1) ได้
เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเพื่อตรวจสอบ โจทก์นำส่งแต่แฟ้มใบสำคัญคู่จ่ายเพียง 30 แฟ้ม ส่วนสมุดบัญชี สำเนาใบเสร็จรับเงิน และสัญญาต่าง ๆ โจทก์ไม่ยอมส่งมอบอ้างว่าสูญหายโดยไม่อาจรับฟังได้ ลำพังใบสำคัญจ่ายไม่เพียงพอที่จะตรวจหากำไรสุทธิ และคำนวณภาษีที่โจทก์จะต้องเสียได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินอาศัยมาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายจากโจทก์จึงชอบแล้ว.
เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเพื่อตรวจสอบ โจทก์นำส่งแต่แฟ้มใบสำคัญคู่จ่ายเพียง 30 แฟ้ม ส่วนสมุดบัญชี สำเนาใบเสร็จรับเงิน และสัญญาต่าง ๆ โจทก์ไม่ยอมส่งมอบอ้างว่าสูญหายโดยไม่อาจรับฟังได้ ลำพังใบสำคัญจ่ายไม่เพียงพอที่จะตรวจหากำไรสุทธิ และคำนวณภาษีที่โจทก์จะต้องเสียได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินอาศัยมาตรา 71 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายจากโจทก์จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2638/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจประเมินภาษีตามมาตรา 71(1) เมื่อผู้เสียภาษีไม่ส่งเอกสารประกอบการลงบัญชี หรือส่งเอกสารไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบ
มาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร มิได้หมายความถึงกับว่าบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจะต้องมิได้นำบัญชี เอกสารหรือหลักฐานใด ๆ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมินเลย เจ้าพนักงานประเมินจึงจะใช้อำนาจประเมินตามที่บัญญัติไว้ในมาตราดังกล่าวได้เพราะไม่เช่นนั้นแล้วหากผู้ยื่นรายการนำเอกสารหลักฐานแต่เพียงบางส่วนที่ไม่เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบความถูกต้องแท้จริงของแบบรายการที่ยื่นมาแสดง เจ้าพนักงานประเมินก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้อำนาจตามมาตรา 71(1) ได้
เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเพื่อตรวจสอบ โจทก์นำส่งแต่แฟ้มใบสำคัญคู่จ่ายเพียง 30 แฟ้ม ส่วนสมุดบัญชี สำเนาใบเสร็จรับเงินและสัญญาต่าง ๆ โจทก์ไม่ยอมส่งมอบอ้างว่าสูญหายโดยไม่อาจรับฟังได้ ลำพังใบสำคัญจ่ายไม่เพียงพอที่จะตรวจหากำไรสุทธิ และคำนวณภาษีที่โจทก์จะต้องเสียได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินอาศัยมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายจากโจทก์จึงชอบแล้ว.
เจ้าพนักงานประเมินออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเพื่อตรวจสอบ โจทก์นำส่งแต่แฟ้มใบสำคัญคู่จ่ายเพียง 30 แฟ้ม ส่วนสมุดบัญชี สำเนาใบเสร็จรับเงินและสัญญาต่าง ๆ โจทก์ไม่ยอมส่งมอบอ้างว่าสูญหายโดยไม่อาจรับฟังได้ ลำพังใบสำคัญจ่ายไม่เพียงพอที่จะตรวจหากำไรสุทธิ และคำนวณภาษีที่โจทก์จะต้องเสียได้ การที่เจ้าพนักงานประเมินอาศัยมาตรา 71(1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีในอัตราร้อยละ 5 จากยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายจากโจทก์จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกร้องค่าขายลดเช็ค: 10 ปี มิใช่อายุความตั๋วเงิน 1 ปี
การเรียกร้องให้ผู้ขายลดเช็คชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 กรณีมิใช่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่าย อันมีอายุความ 1 ปี.