คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสวก จันทร์ผ่อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 371 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกร้องค่าขายลดเช็ค: 10 ปี มิใช่อายุความตั๋วเงิน 1 ปี
การเรียกร้องให้ผู้ขายลดเช็คชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็คมีอายุความฟ้องร้อง 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 164 กรณีมิใช่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังหรือผู้สั่งจ่าย อันมีอายุความ 1 ปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์ที่ถูกทิ้งร้าง การขายเศษเหล็ก และเจตนาสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
เครื่องยนต์ ฝาสูบ และหัวสูบน้ำ ของกลางเป็นทรัพย์ที่มีผู้นำมาใช้ทำเหมืองแร่และถูกเผาทิ้งอยู่ในบริเวณเหมืองร้างไม่มีผู้ใดดูแล จำเลยได้ขายเป็นเศษเหล็กให้แก่ ส. เมื่อจำเลยทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรของกลางดังกล่าว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันแสดงถึงความสุจริตของจำเลย โดยจำเลยเชื่อว่าของกลางดังกล่าวเจ้าของได้ทอดทิ้ง จำเลยจึงได้ขายเป็นเศษเหล็กแก่ ส. โดยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2565/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายทรัพย์ที่ถูกทิ้งร้าง: ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร หากเชื่อว่าเจ้าของทอดทิ้ง
เครื่องยนต์ ฝาสูบ และหัวสูบน้ำ ของกลางเป็นทรัพย์ที่มีผู้นำมาใช้ทำเหมืองแร่และถูกเผาทิ้งอยู่ในบริเวณเหมืองร้างไม่มีผู้ใดดูแล จำเลยได้ขายเป็นเศษเหล็กให้แก่ ส. เมื่อจำเลยทราบว่าผู้เสียหายกล่าวหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรของกลางดังกล่าว จำเลยได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนอันแสดงถึงความสุจริตของจำเลย โดยจำเลยเชื่อว่าของกลางดังกล่าวเจ้าของได้ทอดทิ้ง จำเลยจึงได้ขายเป็นเศษเหล็กแก่ ส. โดยไม่มีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล: การรับรู้รายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่านายหน้า ค่าเสียหาย ค่าซ่อมแซม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ค่านายหน้าในการขายสินค้าที่ได้จ่ายไปจริงนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
ค่าชดเชยความเสียหายเนื่องจากสินค้าที่ขายให้แก่ผู้ซื้อมีคุณภาพต่ำผิดข้อตกลงเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหากำไร นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริงถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (9) แห่ง ป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้
เมื่อรายจ่ายค่าซื้อที่ดินเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนอันเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่ง ป.รัษฎากรค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดินจึงไม่มีอำนาจนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้
รายจ่ายค่ารับเหมาปูปล็อกประดับพื้นเป็นรายจ่ายเพื่อทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน มิใช่รายจ่ายเพื่อการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม จึงถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่งป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2510/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคล: การรับรู้รายจ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากร
ค่านายหน้าในการขายสินค้าที่ได้จ่ายไปจริงนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ค่าชดเชยความเสียหายเนื่องจากสินค้าที่ขายให้แก่ผู้ซื้อมีคุณภาพต่ำผิดข้อตกลงเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อหากำไร นำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง ถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (9) แห่ง ป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ เมื่อรายจ่ายค่าซื้อที่ดินเป็นรายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุนอันเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่ง ป.รัษฎากรค่าธรรมเนียมในการโอนที่ดินจึงไม่มีอำนาจนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ รายจ่ายค่ารับเหมาปูบล็อก ประดับพื้นเป็นรายจ่ายเพื่อทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน มิใช่รายจ่ายเพื่อการซ่อมแซม ให้คงสภาพเดิม จึงถือเป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (5) แห่ง ป.รัษฎากร จะนำมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2451/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสภาพสมาชิกสภาฯ และสิทธิของผู้สมัครลำดับถัดไป: ไม่มีสิทธิเลื่อนลำดับ
มาตรา 77 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขแล้ว บัญญัติว่า ในเขตเลือกตั้งซึ่งมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มากกว่าหนึ่งคน ให้ผู้สมัครของพรรคการเมืองซึ่งได้คะแนนมากตามลำดับลงมาตามจำนวนที่จะพึงมีการเลือกตั้งได้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง เห็นได้ว่าไม่มีข้อความใดที่บัญญัติให้ผู้ที่ได้รับคะแนนต่ำถัดจากผู้ที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรคนสุดท้าย ให้เลื่อนขึ้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง ในกรณีที่ผู้ได้รับเลือกตั้งนั้นได้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ดังนี้โจทก์ซึ่งได้คะแนนมากเป็นลำดับที่ 4 จึงไม่ได้เลื่อนขึ้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่นเขตที่ 1 ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้จำนวน 3 คนเป็นลำดับที่ 3 แทน ค. ผู้สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดทรายในพื้นที่สาธารณสมบัติโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุก
จำเลยขุดทรายในแม่น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ทรายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และรถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกทรายซึ่งขุดได้จากแม่น้ำ ถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคท้าย จึงต้องริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดทรายในพื้นที่สาธารณสมบัติโดยไม่ได้รับอนุญาต และการริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยขุดทรายในแม่น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ทรายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และรถยนต์ที่จำเลยใช้บรรทุกทรายซึ่งขุดได้จากแม่น้ำ ถือว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคท้าย จึงต้องริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดทรายในแม่น้ำสาธารณะ การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกทราย
การขุดทรายจากแม่น้ำอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ทรายตามประกาศของกระทรวงมหาดไทยฉบับลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้บรรทุกทรายที่จำเลยขุดได้จากแม่น้ำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด ตาม ป. ที่ดิน มาตรา108 ทวิ วรรคท้าย จึงต้องริบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2321/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องในคดีอนาถาและการพิจารณาคำร้องใหม่ ศาลมีสิทธิอนุญาตได้ตามกฎหมาย
ในระหว่างที่ศาลไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ได้ เพราะไม่มีกฎหมายห้ามกรณีเช่นนี้ให้นำบทบัญญัติเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งมาตรา 179 และมาตรา 180 มาใช้บังคับ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยอ้างเหตุว่าคดีของโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องและมีคำสั่งต่อไปอีกว่าหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วันเช่นนี้เห็นได้ว่าศาลชั้นต้นเพียงแต่ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์เสียเท่านั้น หาได้มีคำสั่งยกคำฟ้องหรือไม่รับคำฟ้องของโจทก์ที่ยื่นพร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแต่ประการใด ดังนั้นคำฟ้องเดิมของโจทก์ยังคงมีอยู่ เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องให้บริบูรณ์และกรณีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 และมาตรา 180 โดยถูกต้อง ก็ชอบที่ศาลจะสั่งให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องนั้นได้ และชอบที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา156.
of 38