คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สาระ เสาวมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 370 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เลตเตอร์ออฟเครดิต: ธนาคารมีหน้าที่จ่ายเงินเมื่อเอกสารครบถ้วน แม้สินค้าไม่ส่งถึง
ตามคำขอเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้โจทก์จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ผู้ขายไปได้เมื่อมีการยื่นตั๋วแลกเงินใบตราส่งสินค้าทางเรือครบชุดใบกำกับสินค้าพร้อมลายมือชื่อใบรับรองหรือกรมธรรม์ประกันภัยและจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เมื่อจำเลยได้รับเอกสารดังกล่าวนั้นแล้วเมื่อใบตราส่งสินค้าทางเรือแสดงว่าได้มีการบรรทุกสินค้าขึ้นระวางเรือแล้วธนาคารตัวแทนของโจทก์ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ขายไปโจทก์หรือธนาคารตัวแทนของโจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องตรวจตราว่าความจริงสินค้าได้บรรทุกลงเรือแล้วหรือไม่.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าโดยใช้ปืน แต่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ศาลลดโทษตามมาตรา 81
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในระยะใกล้เพียง1วาแต่กระสุนปืนถูกผู้เสียหายคนหนึ่งลึกเพียงฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายส่วนกระสุนที่พลาดไปถูกผู้เสียหายอีกคนหนึ่งก็มีบาดแผลเพียงผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายเป็นการพยายามกระทำความผิดที่ไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ตามป.อ.มาตรา81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่า พิจารณาจากอาวุธปืนที่ใช้และบาดแผลของผู้ถูกยิง
จำเลยใช้ปืนยิง ร. ในระยะใกล้เพียง 1 วา กระสุนปืนถูก ร.ลึกฝังใต้ผิวหนังรักษา 10 วันหาย และกระสุนปืนพลาดไปถูก ช.บาดแผลผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา 5 วันหาย ไม่ได้ความจากแพทย์ว่า ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ ถือว่าจำเลยมุ่งประสงค์จะฆ่า แต่ปืนอันเป็นปัจจัยในการที่จำเลยใช้ยิงไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าแต่ปืนไม่บรรลุผล: ลดโทษจากพยายามฆ่าเป็นทำร้ายร่างกาย
จำเลยใช้ปืนยิงร.ในระยะใกล้เพียง1วากระสุนปืนถูกร.ลึกฝังใต้ผิวหนังรักษา10วันหายและกระสุนปืนพลาดไปถูกช.บาดแผลผิวหนังฉีกขาดตื้นรักษา5วันหายไม่ได้ความจากแพทย์ว่าถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่อาจทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ถือว่าจำเลยมุ่งประสงค์จะฆ่าแต่ปืนอันเป็นปัจจัยในการที่จำเลยใช้ยิงไม่บรรลุผลอย่างแน่แท้ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา81.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและการสนับสนุนการกระทำผิด จำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของและผู้จัดการเกสท์เฮ้าส์ นำม.ผู้ติดต่อล่อซื้อเฮโรอีนไปเปิดห้องพักในเกสท์เฮ้าส์ เอาเฮโรอีนออกมาจากตู้เสื้อผ้ามาขายให้ ม. จำเลยที่ 1 จึงมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน เมื่อ ม. ไปพบจำเลยที่ 1 ครั้งแรก และเจรจาซื้อขายเฮโรอีนกัน จำเลยที่ 2 ได้ช่วยเจรจาซื้อขายอยู่ด้วยช่วยแนะนำถึงวิธีบรรจุเฮโรอีน เมื่อ ม. ไปติดต่อในครั้งต่อ ๆ มา จำเลยที่ 2 ก็ช่วยแจ้งให้ทราบว่าจำเลยที่ 1ไม่อยู่กำลังไปจัดหาเฮโรอีนมาให้ และแจ้งเวลานัดหมายให้มาพบจำเลยที่ 1 ใหม่ ดังนี้ เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 2จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสนับสนุนการจำหน่ายยาเสพติด: การช่วยเหลือเจรจาและแจ้งข้อมูลการนัดหมาย
เมื่อผู้ล่อซื้อไปพบจำเลยที่ 1 ครั้งแรกและเจรจาซื้อขายเฮโรอีนกัน จำเลยที่ 2 ได้ช่วยเจรจาซื้อขายด้วย ช่วยแนะนำวิธีบรรจุเฮโรอีน และเมื่อผู้ล่อซื้อไปติดต่อในครั้งต่อ ๆ มา จำเลยที่ 2 ก็ช่วยแจ้งให้ทราบว่า จำเลยที่ 1 ไม่อยู่กำลังไปจัดหาเฮโรอีนมาให้และแจ้งเวลานัดหมายให้มาพบจำเลยที่ 1 ใหม่ได้เมื่อใด การกระทำของจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายเฮโรอีน จำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1382/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษพนัน: 'พ้นโทษ' หมายถึงโทษที่ได้รับจริง ไม่รวมการรอการลงโทษ
คำว่า"พ้นโทษ"ตามมาตรา14ทวิแห่งพ.ร.บ.การพนันพ.ศ.2478ก็คือพ้นโทษที่ได้รับจริงๆในคดีก่อนเมื่อในคดีก่อนจำเลยไม่ได้รับโทษจำคุกจึงไม่มีวันพ้นโทษจำคุกที่จะถือเอาเป็นเกณฑ์ในการเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา14ทวินี้ได้ การที่ศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ก็มิใช่โทษซึ่งเมื่อครบกำหนดตามที่รอไว้แล้วจะถือว่าเป็นการพ้นโทษไปในตัวตามป.อ.มาตรา58วรรคสองที่บัญญัติว่าถ้าภายในเวลาที่ศาลได้กำหนดตามมาตรา56ผู้นั้นมิได้กระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรกก็ให้ผู้นั้นพ้นจากการที่จะถูกลงโทษในคดีนั้นแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าผู้นั้นหรือจำเลยไม่เคยถูกลงโทษจำคุกมาก่อน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา จำเลยรู้เห็นข้อเท็จจริงแต่เบิกความปฏิเสธ เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุของโจทก์ เมื่อผู้ใหญ่บ้านและโจทก์มาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดการที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาสอบถาม จำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลและข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่าข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยอาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหายซึ่งตามข้อความดังกล่าวย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา: การเบิกความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่รู้เห็น และมีผลต่อการพิจารณาคดี
จำเลยรู้เห็นว่า ใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุ และเมื่อมีผู้อื่นมาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นมาว่าใครเป็นคนตัด ดังนี้ การที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อมีผู้อื่นมาสอบถามจำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177
แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่า ข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้น เป็นข้อสำคัญในคดี แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลย อาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหาย ซึ่งตามข้อความดังกล่าวนี้ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันหนี้: แม้ตกลงไม่ขึ้นเงิน ก็ผูกพันตามกฎหมายเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปมิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบพังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความ รับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปและสั่งจ่ายเช็ครายพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกันดังที่จำเลยต่อสู้นั้น ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็ครายพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่ อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่า ไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเช็คนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็ค ทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914, 989 กรณีหาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
of 37