คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สาระ เสาวมล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 370 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2767/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าในคดีทำร้ายร่างกาย: พิจารณาจากสถานการณ์และลักษณะการกระทำ
จำเลยกับผู้เสียหายสนิทสนมกันมานานเพราะต่างเป็นใบ้และหูหนวก วันเกิดเหตุจำเลยดื่มเบียร์จนเวียนศีรษะแล้วใช้มีดพกชนิดพับได้ ใบมีดยาวประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งเป็นมีดขนาดเล็กแทงผู้เสียหายแม้จะแทงหลายที ที่หน้าอก ชายโครงและหน้าท้อง แต่ก็น่าจะไม่มีเจตนาเลือกแทงเพราะขณะนั้นจำเลยและผู้เสียหายกำลังกอดปล้ำกันอยู่ และรูปคดีเชื่อว่าหากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยย่อมจะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้โดยง่าย เพราะไม่มีใครรู้เห็นและห้ามปราม ทั้งผู้เสียหายก็ไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้เพราะเป็นใบ้ ผู้เสียหายลุกขึ้นมาได้ทันทีหลังจากถูกแทง ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานข่มขืนจากการตรวจร่างกายและพยานหลักฐานทางการแพทย์
แม้จะได้ความว่าจำเลยถลกกระโปรงและถอด กางเกงในของผู้เสียหาย และจำเลยลงเหนือเข่า โดยจำเลยนอนทับผู้เสียหายและใช้เข่าแยกขา ผู้เสียหายออกก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงจากการที่แพทย์ตรวจร่างกาย ของผู้เสียหายในวันเกิดเหตุว่า ไม่ปรากฏรอยช้ำของอวัยวะเพศไม่พบรอยฉีกขาดของเยื่อพรหมจารี และไม่พบเชื้อ อสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหาย ดังนี้ ย่อมแสดงว่าอวัยวะเพศของจำเลยยังมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2719/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานข่มขืนฯ จากหลักฐานทางการแพทย์และการกระทำที่มิได้ล่วงล้ำทางเพศ
แม้จะได้ความว่าจำเลยถลกกระโปรงและถอดกางเกงในของผู้เสียหายและจำเลยลงเหนือเข่า โดยจำเลยนอนทับผู้เสียหายและใช้เข่าแยกขาผู้เสียหายออกก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงจากการที่แพทย์ตรวจร่างกายของผู้เสียหายในวันเกิดเหตุว่า ไม่ปรากฏรอยช้ำของอวัยวะเพศ ไม่พบรอยฉีกขาดของเยื่อพรหมจารี และไม่พบเชื้ออสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหายดังนี้ ย่อมแสดงว่าอวัยวะเพศของจำเลยยังมิได้ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้ระเบิดจับปลาและการครอบครองปลาที่ได้จากระเบิดเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ แม้ต่อเนื่องกัน
ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดทำการจับปลากับความผิดฐานมีปลาที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดไว้ในครอบครองเพื่อการค้ากฎหมายบัญญัติไว้ต่างมาตรากันการกระทำของจำเลยแยกออกได้เป็นสองตอนต่างกรรมต่างวาระกัน แม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน ก็ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดจับปลาและการครอบครองปลาที่ได้จากการกระทำผิด แม้ต่อเนื่องกัน ก็ถือเป็นคนละกรรม
ความผิดฐานใช้วัตถุระเบิดทำการจับปลากับความผิดฐานมีปลาที่ได้จากการใช้วัตถุระเบิดไว้ในครอบครองเพื่อการค้ากฎหมายบัญญัติไว้ต่างมาตรากันการกระทำของจำเลยแยกออกได้เป็นสองตอนต่างกรรมต่างวาระกัน แม้จะเป็นการกระทำต่อเนื่องกัน ก็ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ผิดแปลงในการบังคับคดี ทำให้การขายทอดตลาดไม่ชอบ ศาลมีคำสั่งยกเลิกและคืนเงินให้ผู้ประมูล
ที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้ว และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอด ส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดอยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดและเป็นที่ดินของผู้อื่น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลง ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครองและเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้อง ไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2644/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ผิดแปลง การขายทอดตลาดที่ไม่ชอบ และสิทธิในการขอคืนเงินของผู้ประมูลซื้อ
ที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดมาขายทอดตลาดปรากฏว่าจำเลยได้ขอออกโฉนดไปแล้ว และได้มีการโอนขายต่อไปอีกหลายทอดส่วนที่ดินที่โจทก์นำชี้ให้ยึดและนำออกขายทอดตลาดอยู่ถัดมาทางทิศใต้ของที่ดินตาม ส.ค.1 ที่โจทก์นำยึดและเป็นที่ดินของผู้อื่น กรณีจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้ชี้และให้ยึดที่ดินผิดแปลง ดังนั้นการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการขายที่ดินที่จำเลยไม่เคยมีสิทธิครอบครองและเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินนี้ได้จากการขายทอดตลาดได้ยื่นคำร้องแสดงเจตนาขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดและขอให้คืนเงินแก่ผู้ร้อง ไม่ได้ขออ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 การที่ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดและคืนเงินแก่ผู้ร้องจึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจให้ทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63 การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายรับเงินตามสัญญาประนีประนอมยอมความ: การมอบหมายโดยปริยายและการผูกพันตามกฎหมาย
ทนายโจทก์มีอำนาจทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้และปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อสัญญายอมเช่นนี้ย่อมชี้ ให้เห็นเจตนาของโจทก์ และทนายโจทก์ชัดแจ้งแล้วว่าตัวโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกที่จำเลยชำระต่อหน้าศาลด้วย ถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วย การรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งไม่ใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนังสือตาม ป.วิ.พ. มาตรา 63 การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลเช่นนี้จึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2622/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจทนายรับเงินแทนเจ้าหนี้ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ถือเป็นการผูกพันเจ้าหนี้
ปรากฏในสัญญาประนีประนอมยอมความว่าจำเลยได้ชำระเงินงวดแรกให้แก่โจทก์ต่อหน้าศาลในวันทำสัญญา เมื่อโจทก์ไม่มาศาลในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายโจทก์รับเงินงวดแรกแทนโจทก์ด้วยและการรับเงินในกรณีเช่นนี้กฎหมายมิได้บังคับว่าจะต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ ทั้งมิใช่การรับเงินจากศาลอันจะต้องทำเป็นหนีงสือ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 63การที่จำเลยชำระเงินงวดแรกให้แก่ทนายโจทก์ต่อหน้าศาลจึงผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้.
of 37