คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพจิตร วิเศษโกสิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 328 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขัดต่อกฎหมายผังเมือง เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งรื้อถอนได้
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างต่อเติมอาคารพิพาทโดยไม่ได้รับอนุญาตและการต่อเติมนั้นเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยและการผังเมืองไม่ต้องด้วยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522แม้อาคารพิพาทจะมีความมั่นคงแข็งแรงก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอนหัวหน้าเขตมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินและต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับกับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตดังกล่าวภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารที่ปิดทางเดินด้านหลังและที่ต่อเชื่อมอาคารด้านข้างโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินอีกครั้งหนึ่งจำเลยได้รับคำสั่งแล้วแต่จำเลยก็มิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตครั้งหลังนี้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของหัวหน้าเขตในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา52โจทก์จึงไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อน. แม้คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทจะกำหนดให้จำเลยรื้อถอนอาคารน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งดังกล่าวนานถึง2ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องส่วนที่คำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาทออกภายหลังคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างเกินกว่า30วันก็ไม่ทำให้อำนาจทั้งตามมาตรา11ทวิแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารพุทธศักราช2479และตามมาตรา42แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการที่จะสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ดัดแปลงหรือต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องหมดไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้มีความมั่นคงแข็งแรง แต่ขัดต่อกฎหมายผังเมืองและป้องกันอัคคีภัย
หัวหน้าเขตซึ่งเป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างปกคลุมทางเดินแล้วต่อมาได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยระงับการก่อสร้างปรากฏว่าจำเลยมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแม้ต่อมาหัวหน้าเขตจะมีคำสั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างอาคารดังกล่าวอีกและจำเลยได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ก็เป็นการอุทธรณ์เมื่อเกินสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่งครั้งหลังโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตได้โดยไม่จำต้องรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก่อนกรณีเช่นนี้แม้จะได้ความว่าอาคารพิพาทมีความมั่นคงแข็งแรงแต่เมื่อจำเลยก่อสร้างต่อเติมจนเป็นเหตุให้ขาดประโยชน์แห่งการป้องกันอัคคีภัยก็ถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่จะต้องรื้อถอน แม้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ต่อเติมน้อยกว่าสามสิบวันอันเป็นการไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา42วรรคแรกก็ตามแต่โจทก์ฟ้องคดีนี้ภายหลังที่จำเลยได้รับคำสั่งนานถึง3ปีเศษโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานศาลวางแผนเปลี่ยนตัวจำเลยเพื่อหลีกเลี่ยงโทษทางอาญา เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยต่อศาล
ผู้ถูกกล่าวหาวางแผนและดำเนินการเปลี่ยนตัวจำเลยโดยติดต่อว่าจ้างว.ให้รับโทษจำคุกแทนจำเลยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา31(1).(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1055/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานศาลวางแผนเปลี่ยนตัวจำเลยเพื่อหลีกเลี่ยงการรับโทษ ถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย
ผู้ถูกกล่าวหาวางแผนและดำเนินการเปลี่ยนตัวจำเลยโดยติดต่อว่าจ้างว. ให้รับโทษจำคุกแทนจำเลยการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลตามป.วิ.พ.มาตรา31(1).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพยานขัดแย้ง พยานหลักฐานโจทก์อ่อนแอ ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวมาเบิกความยันกับจำเลยแต่เป็นคำพยานที่ขัดกับพยานแวดล้อมอื่นเมื่อประจักษ์พยานให้การว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายหลังจากที่พยานเองถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพราะสงสัยว่าพยานจะร่วมทำร้ายผู้ตายคำของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1036/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานขัดแย้งไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
โจทก์มีประจักษ์พยานปากเดียวมาเบิกความยันกับจำเลยแต่เป็นคำพยานที่ขัดกับพยานแวดล้อมอื่นเมื่อประจักษ์พยานให้การว่าเห็นจำเลยเป็นคนร้ายหลังจากที่พยานเองถูกพนักงานสอบสวนสอบปากคำเพราะสงสัยว่าพยานจะร่วมทำร้ายผู้ตายคำของพยานโจทก์ดังกล่าวจึงมีน้ำหนักน้อยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละการครอบครองที่ดินและการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จากมรดกสู่การขายฝากและเช่า
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออก ส.ค.1และ น.ส.3 โดยอ้างว่าได้รับมรดก ต่อมา น. ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับ ส. แล้ว น. ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด 1 ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดย น. ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืน โจทก์รู้เห็นยินยอมให้ น. นำที่ดินพิพาทไปออก น.ส.3 และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย เมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่า โจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่า ซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละการครอบครองที่ดินและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ การครอบครองแทนจำเลย
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออกส.ค.1และน.ส.3โดยอ้างว่าได้รับมรดกต่อมาน.ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับส.แล้วน.ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด1ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดยน.ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้น.นำที่ดินพิพาทไปออกน.ส.3และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วยเมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้วโจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีกซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่าโจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่าซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนอาคารผิดแบบ และอำนาจเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการสั่งรื้อถอนตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร
เมื่อช. พยานคนสุดท้ายของโจทก์ตอบคำถามติงแล้วโจทก์ส่งคำสั่งกรุงเทพมหานครที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบอำนาจให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนเป็นพยานต่อศาลและให้ช. ดูและแถลงรับรองเอกสารดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้วโดยได้รับอนุญาตจากศาลตามป.วิ.พ.มาตรา117วรรคสี่จึงรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยานได้ การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522ให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนนั้นเป็นการมอบอำนาจให้ปฏิบัติราชการแทนตามที่พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2518มาตรา35ให้อำนาจไว้จึงไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้จำต้องมีพยานรับรองลายมือชื่อผู้มอบอำนาจด้วย หัวหน้าเขตผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครทำหนังสือมอบหมายงานโยธาให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตควบคุมรับผิดชอบวินิจฉัยสั่งการแทนถือเป็นการมอบอำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522ซึ่งอยู่ในอำนาจของหน่วยงานโยธาให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนซึ่งชอบที่จะกระทำได้ตามมาตรา17แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2518ที่บัญญัติว่าการปฏิบัติราชการที่หัวหน้าเขตจะพึงปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมายใด หัวหน้าเขตจะมอบอำนาจให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทนในนามหัวหน้าเขตก็ได้ไม่ถือเป็นการมอบอำนาจช่วงและไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎรกร เมื่อจำเลยก่อสร้างอาคารโดยผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตและฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่กำหนดให้เว้นที่ว่างด้านหน้าอาคารสามชั้นไว้ไม่น้อยกว่า6เมตรอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา31ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างตามมาตรา40และให้รื้อถอนตามมาตรา42วรรคแรกแล้วอาคารดังกล่าวก็จะต้องถูกรื้อถอนแม้พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับจำเลยตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522มาตรา22,65อันเป็นการอ้างบทกฎหมายไม่ถูกต้องและแม้เจ้าพนักงานจะได้ออกหมายเลขที่บ้านให้จำเลยไปแล้วโดยมิได้คัดค้านว่าจำเลยก่อสร้างอาคารผิดแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ตาม ในการบอกกล่าวให้จำเลยระงับการก่อสร้างและให้รื้อถอนอาคารนั้นเมื่อปรากฏว่าผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้รับคำสั่งดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าจำเลยได้ทราบด้วยโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การก่อสร้างอาคารผิดแบบและคำสั่งรื้อถอน: ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยเป็นผู้ก่อสร้างอาคารพิพาทผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตและเป็นการฝ่าฝืนข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร ทั้งเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องได้ เมื่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาและตราข้อบัญญัติไว้แล้ว อาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อบัญญัติดังกล่าวย่อมถือว่าเป็นอาคารที่ก่อสร้างขึ้นโดยไม่มีความปลอดภัย
จำเลยก่อสร้างอาคารพิพาทผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับ อนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ซึ่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้สั่งให้จำเลยระงับการก่อสร้างตามมาตรา 40 และต่อมา ได้สั่งให้จำเลยรื้อถอนตามมาตรา 42 วรรคแรกแล้ว อาคารดังกล่าวก็จะต้องถูกรื้อถอน แม้พนักงานสอบสวนจะเปรียบเทียบปรับจำเลยโดยอ้างบทกฎหมายไม่ถูกต้องและเจ้าพนักงานเขตออกหมายเลขที่บ้านให้จำเลยโดยมิได้คัดค้านว่าจำเลยก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก็ตาม
ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้รับทราบคำสั่งให้รื้อถอนอาคารพิพาท ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ทราบด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่จำเลยก่อสร้างผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาต
การมอบอำนาจของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ให้หัวหน้าเขตปฏิบัติราชการแทน เป็นการมอบอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 35 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้มีอำนาจมอบอำนาจที่ตนมีอยู่ให้หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดปฏิบัติราชการแทนตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ จึงไม่จำต้องปิดแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้จำต้องมีพยานรับรองลายมือ ชื่อผู้มอบอำนาจด้วย จึงรับฟังเอกสารเป็นพยานได้
เมื่อพยานโจทก์คนสุดท้ายคอบคำถามติงแล้ว โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยานต่อศาล แล้วให้พยานนั้นดูเอกสารดังกล่าว และพยานโจทก์แถลงประกอบเอกสาร ถือได้ว่าเป็นการซักถามพยานเมื่อได้ถามติงพยานเสร็จแล้ว แต่การที่ศาลชั้นต้นยอมให้โจทก์กระทำเช่นนั้น ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้รับอนุญาตจากศาลแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 117 วรรคสี่ จึงรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานได้
การที่หัวหน้าเขตซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มอบหมายงานโยธา ให้ผู้ช่วยหัวหน้าเขตเป็นผู้ควบคุมรับผิดชอบสั่งการแทนหัวหน้าเขตได้ เป็นการมอบให้ปฏิบัติราชการแทนตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 มาตรา 17 ให้อำนาจไว้ ไม่เป็นการมอบอำนาจช่วง ผู้ช่วยหัวหน้าเขตมีอำนาจลงลายมือชื่อในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ และหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่จำต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร ก็รับฟังเป็นพยานได้
of 33