พบผลลัพธ์ทั้งหมด 328 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2930/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อยังไม่จดทะเบียน โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิยึดทรัพย์ได้
แม้ผู้ร้องทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินพิพาทจาก ส. และชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วก่อนที่ ส. จะนำที่ดินดังกล่าวมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยเพื่อขอทุเลาการบังคับคดี แต่สิทธิของผู้ร้องก็เป็นเพียงบุคคลสิทธิซึ่งหาก ส. ผิดสัญญาเช่าซื้อก็เป็นกรณีที่ผู้ร้องต้องว่ากล่าวบังคับเอากับ ส.เมื่อ ส. ยังมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทจึงยังไม่ตกไปเป็นของผู้ร้องโดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย ส. ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ โจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินพิพาทออกขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ได้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนองและการละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว การส่งหลักฐานหนี้เป็นสิทธิของโจทก์
ก่อนฟ้องบังคับจำนอง โจทก์ผู้รับจำนองมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยผู้จำนองแล้ว เมื่อจำเลยได้รับหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองได้ขอให้โจทก์ส่งหลักฐานการเป็นหนี้ไปให้จำเลย โจทก์จะส่งหลักฐานดังกล่าวให้จำเลยหรือไม่ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามคำบอกกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้วโจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับจำนองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนองและการละเลยไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าว ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับจำนองได้
ก่อนฟ้องบังคับจำนอง โจทก์ผู้รับจำนองมีหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนองไปถึงจำเลยผู้จำนองแล้ว เมื่อจำเลยได้รับหนังสือทวงถามและบอกกล่าวบังคับจำนองได้ขอให้โจทก์ส่งหลักฐานการเป็นหนี้ไปให้จำเลย โจทก์จะส่งหลักฐานดังกล่าวให้จำเลยหรือไม่ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดเวลาตามคำบอกกล่าวจึงถือได้ว่าจำเลยละเลยเสียไม่ปฏิบัติตามคำบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้วโจทก์มีอำนาจฟ้องบังคับจำนองได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920-2921/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาทุจริตและการฟ้องคดีเกิน 1 ปี การกระทำด้วยเอกสารปลอมไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทไม่มีโฉนดและมอบให้ผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ การที่จำเลยปลอมหนังสือมอบอำนาจของโจทก์และใช้หนังสือมอบอำนาจปลอมยื่นเรื่องราวขอหนังสือรับรองการทำประโยชน์และโอนที่พิพาทให้จำเลย จนเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจดทะเบียนโอนที่พิพาทเป็นของจำเลยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่พิพาท โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีแม้จะเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920-2921/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยมิชอบและการฟ้องคดีเกินกำหนด การกระทำโดยใช้เอกสารปลอมไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทไม่มีโฉนดและมอบให้ผู้อื่นเช่าทำนาอยู่ การที่จำเลยปลอมหนังสือมอบอำนาจของโจทก์และใช้หนังสือมอบอำนาจปลอมยื่นเรื่องราวขอหนังสือรับรองการทำ ประโยชน์และโอนที่พิพาทให้จำเลย จนเจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจดทะเบียนโอนที่พิพาทเป็นของจำเลยนั้น ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการแย่งการครอบครองที่พิพาท โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีแม้จะเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจดทะเบียนโอนที่พิพาทให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเหตุผลโต้แย้งคำเบิกความของผู้เสียหายในอุทธรณ์ ถือเป็นการระบุข้อเท็จจริงตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดโดยอาศัยคำเบิกความของผู้เสียหายเป็นหลัก เมื่อจำเลยอ้างคำเบิกความบางตอนของผู้เสียหายมาในอุทธรณ์และให้เหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ควรเชื่อคำเบิกความของผู้เสียหาย ถือว่าจำเลยได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อที่ยกขึ้นอ้างอิงตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างเหตุผลคัดค้านคำเบิกความผู้เสียหายในอุทธรณ์ถือเป็นการระบุข้อเท็จจริงตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดโดยอาศัยคำเบิกความของผู้เสียหายเป็นหลัก เมื่อจำเลยอ้างคำเบิกความบางตอนของผู้เสียหาย มาในอุทธรณ์และให้เหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ควรเชื่อคำเบิกความของผู้เสียหาย ถือว่าจำเลยได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อที่ยกขึ้นอ้างอิงตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสองแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิดำเนินคดีอาญา vs. กรรโชก: การเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายเพื่อเลิกคดีไม่ใช่การข่มขืนใจ
จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เสียหายได้ลักเอาสติกเกอร์ของห้างซึ่งจำเลยมีหน้าที่ช่วยดูแลกิจการอยู่ไป การที่จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับให้ห้าง 30 บาท ถ้าไม่ยอมจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหายให้ยอมให้เงิน 30 บาท เพราะจำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการของห้างชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดี แก่ผู้เสียหายทางอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ การที่จำเลยให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับเท่ากับเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อตกลงเลิกคดีกัน จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิดำเนินคดีอาญา vs. กรรโชก: การเสนอค่าชดใช้เพื่อเลิกคดีไม่เป็นความผิด
จำเลยเชื่อ โดยสุจริตว่าผู้เสียหายลักสติกเกอร์ ราคา 1 บาท ของห้างฯ ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ดูแล กิจการอยู่ไป การที่จำเลยเรียกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับแก่ห้างฯ จำนวน 30 บาท มิฉะนั้นจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้น เป็นกรณีที่จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายในทางอาญาได้ คำพูดของจำเลยดังกล่าวเท่ากับเป็นข้อเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายเพื่อตกลงเลิกคดีตามที่ห้างฯถือปฏิบัติ จึงไม่เป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหาย จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2688/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการของห้างสรรพสินค้าต่อผู้ที่สงสัยว่าลักทรัพย์ ไม่ถือเป็นการข่มขืนใจหรือกรรโชก หากมีเหตุเชื่อโดยสุจริต
จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าผู้เสียหายได้ลักเอาสติกเกอร์ของห้างซึ่งจำเลยมีหน้าที่ช่วยดูแลกิจการอยู่ไป การที่จำเลยบอกให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับให้ห้าง 30 บาท ถ้าไม่ยอมจะส่งตัวให้เจ้าพนักงานตำรวจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นการข่มขืนใจหรือขู่เข็ญผู้เสียหายให้ยอมให้เงิน 30 บาทเพราะจำเลยมีหน้าที่ดูแลกิจการของห้างชอบที่จะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินคดีแก่ผู้เสียหายทางอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ได้การที่จำเลยให้ผู้เสียหายเสียค่าปรับเท่ากับเสนอให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อตกลงเลิกคดีกัน จำเลยไม่มีความผิดฐานกรรโชก.