พบผลลัพธ์ทั้งหมด 92 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานคดีอุบัติเหตุ: ศาลต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาความน่าเชื่อถือของพยานแต่ละปาก แม้จะมีข้อขัดแย้ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยทั้งสองด้วยข้อหาว่าต่างขับรถจักรยานยนต์โดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำเลยทั้งสองย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ตามรูปคดีเช่นนี้ พยานโจทก์นั่งมาในรถคันใดอาจจะเบิกความสมอ้างข้างฝ่ายรถคันที่ตนนั่งและแตกต่างกับพยานโจทก์ปากอื่นก็ได้ หาใช่ว่าพยานโจทก์บางปากเบิกความขัดกับพยานปากอื่นแล้วจะทำลายน้ำหนักคำพยานปากอื่นให้ไม่ควรรับฟังเสียทั้งหมดไม่ แต่ศาลชอบที่จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพยานหลักฐานทั้งหมดในสำนวนแล้วพิเคราะห์ว่าคำเบิกความของพยานปากใดควรเชื่อฟังในข้อใดหรือไม่ เพียงใดเพราะเหตุใดที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าคำให้การของพยานโจทก์ขัดกันเอง จึงทำให้รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยฝ่ายใดประมาทนั้นจึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานคดีขับรถประมาทถึงแก่ความตาย ศาลต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาความน่าเชื่อถือของพยานแต่ละปาก
คดีนี้โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยทั้งสองด้วยข้อหาว่าต่างขับรถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย.จำเลยทั้งสองย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อกันตามรูปคดีเช่นนี้พยานโจทก์นั่งมาในรถคันใดอาจจะเบิกความสมอ้างข้างฝ่ายรถคันที่ตนนั่งและแตกต่างกับพยานโจทก์ปากอื่นก็ได้หาใช่ว่าพยานโจทก์บางปากเบิกความขัดกับพยานปากอื่นแล้วจะทำลายน้ำหนักคำพยานปากอื่นให้ไม่ควรรับฟังเสียทั้งหมดไม่แต่ศาลชอบที่จะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักคำพยานหลักฐานทั้งหมดในสำนวนแล้วพิเคราะห์ว่าคำเบิกความของพยานปากใดควรเชื่อฟังในข้อใดหรือไม่เพียงใดเพราะเหตุใดที่ศาลอุทธรณ์พิจารณาว่าคำให้การของพยานโจทก์ขัดกันเองจึงทำให้รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยฝ่ายใดประมาทนั้นจึงไม่ชอบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจนหน้าที่โจทก์ต้องสืบพยานพิสูจน์การกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรแสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกันจะลงโทษจำเลยในทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่าข้าพเจ้าขอให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องย่อมไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใดจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้. โจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาหากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ไม่ชัดแจ้งโจทก์ก็ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไปเพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยคดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพที่ไม่ชัดเจน: โจทก์มีหน้าที่สืบพยานเพื่อพิสูจน์ฐานความผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรแสดงว่าโจทก์ประสงค์ขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาใดข้อหาหนึ่งเพียงข้อหาเดียวเพราะความผิดฐานลักทรัพย์กับความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดคนละฐานกันจะลงโทษจำเลยในทั้งสองฐานความผิดดังกล่าวย่อมไม่ได้ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ว่า ข้าพเจ้าขอให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงตามฟ้องย่อมไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานใด จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลย เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ไม่ชัดแจ้ง โจทก์ก็ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่
โจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา หากโจทก์เห็นว่าคำให้การของจำเลยที่ศาลจดไว้ไม่ชัดแจ้ง โจทก์ก็ชอบที่จะคัดค้านหรือแถลงขอสืบพยานต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องสืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลย คดีจึงไม่มีเหตุที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพไม่ชัดเจน การสืบพยานสำคัญ หากโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลลงโทษจำเลยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจรจำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริงตามฟ้องเป็นคำรับสารภาพที่ไม่ชัดเจนพอที่จะชี้ขาดว่าจำเลยทำผิดฐานใด เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานให้ได้ความถึงการกระทำผิดของจำเลยจึงลงโทษจำเลยมิได้ การที่ศาลจดคำให้การของจำเลยและโจทก์ได้ลงชื่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้วแต่มิได้คัดค้านและมิได้แถลงขอสืบพยานกรณีจึงไม่มีเหตุที่จะต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสอบคำให้การของจำเลยใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างถังเก็บก๊าซเข้าข่ายเป็นอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แม้ไม่มีนิยามในกฎหมาย
ถังเหล็กพร้อมฐานคอนกรีตรองรับสร้างขึ้นเพื่อใช้บรรจุก๊าซแสดงว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับเข้าใช้สอย.ต้องถือว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวเป็นอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯมาตรา4. จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและไม่ปรากฏว่าถังเหล็กพร้อมฐานคอนกรีตรองรับเพื่อใช้บรรจุก๊าซที่จำเลยสร้างขึ้นมีลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นจึงสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างอาคารเพื่อใช้บรรจุก๊าซเข้าข่ายเป็นอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แม้ไม่มีใบอนุญาต
ถังเหล็กพร้อมฐานคอนกรีตรองรับสร้างขึ้นเพื่อใช้บรรจุก๊าซแสดงว่าเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับเข้าใช้สอย ต้องถือว่าสิ่งก่อสร้างดังกล่าวเป็นอาคารตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯมาตรา4 จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและไม่ปรากฏว่าถังเหล็กพร้อมฐานคอนกรีตรองรับเพื่อใช้บรรจุก๊าซที่จำเลยสร้างขึ้นมีลักษณะน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นจึงสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับคดี: เบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา275,276นั้นศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้. สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการพ.ศ.2518เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา286(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี
คำขอฝ่ายเดียวที่ยื่นต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 275, 276 นั้น ศาลไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีให้ทันทีเมื่อศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องตามคำขอของโจทก์นั้นไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี ก็ย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้.
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)
สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. 2518 เป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามปกติ ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 286 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักของข้าราชการ/ลูกจ้าง ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286(2)
โจทก์ยื่นคำขอฝ่ายเดียวขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดทรัพย์ซึ่งจำเลยจะได้รับจากนายจ้างของจำเลยหากศาลเห็นว่าสิทธิเรียกร้องเป็นเงินของจำเลยดังกล่าวไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286ศาลย่อมมีอำนาจปฏิเสธไม่ออกหมายบังคับคดีให้แก่โจทก์ได้ สิทธิเรียกร้องเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางและค่าเช่าที่พักเป็นค่าจ้างซึ่งทางราชการจ่ายให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนและค่าจ้างจากงบประมาณรายจ่ายให้แก่ข้าราชการหรือลูกจ้างที่เดินทางไปปฏิบัติราชการชั่วคราวนอกที่ตั้งสำนักงานซึ่งปฏิบัติราชการปกติไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีตามป.วิ.พ.มาตรา286(2).