คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำนง นิยมวิภาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 767 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับพยานหลักฐานที่มิได้ส่งสำเนาตามอำนาจศาลแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลย แต่การที่ ช. ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้น ถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ.
จำเลยนำสืบเอกสารหมาย ล.1 ถึงล.15 โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมา ดังนี้ เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 แล้ว เอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1964/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันคำให้การของตัวแทน และการรับฟังพยานที่ศาลเรียกเองในคดีแรงงาน
หนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่มอบอำนาจให้ช.ต่อสู้คดีไม่ได้ประทับตราสำคัญของจำเลยแต่การที่ช.ได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้แล้วจำเลยได้แต่งตั้งทนายความให้ดำเนินคดีต่อมาโดยนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นถือได้ว่าจำเลยได้ให้สัตยาบันยอมรับคำให้การดังกล่าวแล้วจำเลยจึงมีสิทธิที่จะนำสืบพยานไปตามคำให้การนั้นได้โดยชอบ. จำเลยนำสืบเอกสารหมายล.1ถึงล.15โดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์แต่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับคดีและจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุอ้างเป็นพยานแล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมถือว่าเป็นพยานที่ศาลเรียกมาดังนี้เมื่อศาลแรงงานได้ใช้อำนาจตามมาตรา45แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ.2522แล้วเอกสารดังกล่าวย่อมรับฟังได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายจากการใช้เช็ค - โจทก์ร่วมย่อมมีสิทธิร้องทุกข์ได้ แม้เงินถูกนำฝากบัญชีห้างหุ้นส่วน
วัสดุก่อสร้างที่จำเลยซื้อและออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระราคานั้นเป็นของส่วนตัวของโจทก์ร่วมมิได้เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.ที่โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการดังนั้นเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดและถูกปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายและชอบที่จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ส่วนการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมเรียกเก็บเงินเองและนำสืบในชั้นพิจารณาว่าเรียกเก็บเงินเพื่อฝากเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.นั้นก็มิได้แตกต่างกันแต่อย่างใดเพราะการที่โจทก์ร่วมจะนำเงินตามเช็คที่เรียกเก็บเข้าฝากในบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.ก็เป็นสิทธิของโจทก์ร่วมที่จะทำได้หาทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดพ.กลายเป็นผู้เสียหายไปไม่. การบันทึกคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งจะจดลงไว้อย่างไรและที่ใดก็เป็นเรื่องระเบียบภายในของพนักงานสอบสวนซึ่งไม่มีผลกระทบต่ออำนาจในการสอบสวนและดำเนินคดีและในปัญหาที่ว่าเขตรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละแห่งจะมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่เพียงใดนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1915/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบธรรมในการดำเนินคดีเช็คและการกำหนดผู้เสียหาย: ผู้เสียหายคือผู้รับเช็คโดยตรง แม้มีการนำเงินเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วน
วัสดุก่อสร้างที่จำเลยซื้อและออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อชำระราคานั้น เป็นของส่วนตัวของโจทก์ร่วม มิได้เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.ที่โจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการ ดังนั้นเมื่อเช็คพิพาทถึงกำหนดและถูกปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายและชอบที่จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีได้ ส่วนการที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ร่วมเรียกเก็บเงินเองและนำสืบในชั้นพิจารณาว่าเรียกเก็บเงินเพื่อฝากเข้าบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.นั้น ก็มิได้แตกต่างกันแต่อย่างใด เพราะการที่โจทก์ร่วมจะนำเงินตามเช็คที่เรียกเก็บเข้าฝากในบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.ก็เป็นสิทธิของโจทก์ร่วมที่จะทำได้ หาทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ.กลายเป็นผู้เสียหายไปไม่
การบันทึกคำร้องทุกข์ของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้งจะจดลงไว้อย่างไรและที่ใด ก็เป็นเรื่องระเบียบภายในของพนักงานสอบสวนซึ่งไม่มีผลกระทบต่ออำนาจในการสอบสวนและดำเนินคดี และในปัญหาที่ว่าเขตรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละแห่งจะมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่เพียงใดนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1647/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิในรถยนต์หลังซื้อขายและอำนาจฟ้องคดีค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
โจทก์ที่ 1 ขอซื้อรถยนต์จากบริษัท ส.โดยมีข้อสัญญาไม่ให้โจทก์ที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนหรือให้ผู้อื่นครอบครองใช้รถยนต์คันนั้น ต่อมาโจทก์ที่ 1 ขายรถยนต์คันดังกล่าวให้แก่โจทก์ที่ 2 โดยบริษัท ส. ก็ทราบและไม่ถือเป็นเหตุเลิกสัญญากับโจทก์ที่ 1 คงรับเงินค่างวดรถจากโจทก์ที่ 1 ตลอดมา เมื่อโจทก์ที่ 1 ขายรถให้โจทก์ที่ 2 แล้วก็ได้ส่งมอบการครอบครองให้โจทก์ที่ 2 ใช้ประโยชน์ในรถคันดังกล่าว จึงต้องถือว่าโจทก์ที่ 2 รับโอนรถคันพิพาทมาโดยชอบ โจทก์ที่ 2 จึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดทำให้รถเสียหายได้
ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าทรัพย์พิพาทตามฟ้องเป็นสินสมรสและจะสันนิษฐานว่าเป็นสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1474 ก็ไม่ได้ เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 2 ได้จดทะเบียนสมรสหรือไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าโจทก์ที่ 2 มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ที่ 2 จึงมีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้จัดการมรดกให้เช่าทรัพย์มรดกก่อนโอนตามพินัยกรรม และสิทธิฟ้องผู้เช่าผิดสัญญา
ผู้ตายทำพินัยกรรมยกตึกพิพาทให้แก่มูลนิธิปรากฏว่าเมื่อผู้ตายถึงแก่กรรมจำเลยได้ทำสัญญาเช่าตึกดังกล่าวจากโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายตั้งแต่ก่อนโอนตึกให้แก่มูลนิธิตามพินัยกรรมกรณีเช่นนี้ถือว่าการจัดการทรัพย์มรดกยังไม่เสร็จสิ้นโจทก์ยังมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำการอันจำเป็นเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรมเพื่อจัดการมรดกตามป.พ.พ.มาตรา1719ทั้งผู้ให้เช่าก็ไม่จำต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ให้เช่าเมื่อผู้เช่าผิดสัญญาผู้ให้เช่าย่อมฟ้องผู้เช่าได้ กรณีผิดสัญญาเช่าจำนวนค่าเสียหายไม่จำต้องกำหนดตามอัตราค่าเช่าที่ทำกันไว้ในสัญญาเสมอไปศาลมีอำนาจกำหนดให้ตามควรแก่พฤติการณ์แห่งความเป็นจริงได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานออกเช็คเพื่อนำไปใช้โดยที่ไม่มีเงินในบัญชี แม้ไม่ได้ลงวันเดือนปีด้วยตนเองก็ยังมีความผิด
ขณะจำเลยนำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากโจทก์เช็คพิพาทมีวันเดือนปีที่ออกเช็คครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎหมายจำเลยผู้ออกเช็คย่อมทราบได้ว่าจะต้องมีการใช้เงินตามเช็คนั้นในวันใด เมื่อเช็คถึงกำหนด ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยอ้างว่าบัญชีปิดแล้ว จำเลยจึงต้องมีความผิด ส่วนจำเลยจะเป็นผู้ลงวันเดือนปีที่ออกเช็คด้วยลายมือของจำเลยเองหรือไม่ ไม่เป็นข้อสำคัญ และไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดไปได้กรณีมิใช่เป็นเรื่องไม่มีวันที่ผู้ออกเช็คกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์จ้องปืนและเจตนาฆ่า: การประเมินหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไกปืน หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย จำเลยก็อาจยิงได้ทันทีโดยที่ไม่มีผู้ใดอาจห้ามได้ทัน เมื่อมีผู้เข้าไปจับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้ปากกระบอกปืนเบนขึ้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหาย สาเหตุโกรธเคืองที่โจทก์นำสืบก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงจะต้องฆ่ากัน การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น อาจเป็นการกระทำเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันก็ได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาพยายามฆ่า: การจ้องปืนและพฤติการณ์ที่ไม่มีการขัดขืน ไม่เพียงพอพิสูจน์เจตนาฆ่า
จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหาย โดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไก ปืนหากเจตนาฆ่า ก็อาจยิงได้ทันที โดยที่ไม่อาจห้ามได้ทัน เหตุเกิดในเวลากลางวันที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก ก่อนเกิดเหตุ1 เดือนเศษ จำเลยใช้ไม้ตีศีรษะ ช. พี่ภรรยาของผู้เสียหาย แล้วผู้เสียหายพาช.ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ไม่น่าเป็นเหตุร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่ากัน เมื่อพี่เขยจำเลยมาจับมือที่ถือปืนให้ปากกระบอกเบนขึ้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยพยายามดิ้นรนขัดขืน ที่จะยิงผู้เสียหาย ดังนี้ จำเลยไม่มีเจตนาจะยิงผู้เสียหาย อาจกระทำไปเพื่อขู่ จึงไม่มีความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1285/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินผู้อื่น: การลดโทษจากความผิดตามมาตรา 220 เป็นมาตรา 225
จำเลยจุดไฟเมื่อเวลาประมาณ10.00นาฬิกาแต่เพลิงได้ลามไปไหม้บ้านบุคคลอื่นซึ่งปลูกอยู่ใกล้เคียงกันตอนบ่าย3โมงระยะเวลาห่างกันหลายชั่วโมง แสดงว่าไม่มีลักษณะที่น่ากลัวจะเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่นแต่เป็นเรื่องที่จำเลยตั้งอยู่ในความประมาทไม่คอยควบคุมดูแลให้เพลิงลุกไหม้อยู่ภายในขอบเขตที่จำกัดเพลิงจึงได้ลามเข้าไปยังนาข้างเคียงและก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฏลักษณะที่น่าจะเป็นอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นอันเป็นองค์ประกอบความผิดตามป.อ.มาตรา220ดังกล่าวแล้วก็ไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรานี้อันเป็นบทหนักได้การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องขาดความระมัดระวังจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นความผิดตามมาตรา225.
of 77