คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำนง นิยมวิภาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 767 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน: เพิกถอนได้หากเจ้าหนี้พิสูจน์ได้ว่าการโอนนั้นทำเพื่อลดทรัพย์สินที่นำมาชำระหนี้
จำเลยที่1เพิ่งจดทะเบียนยกที่ดินพิพาทให้จำเลยที่2ผู้เป็นบุตรทั้งๆที่เข้าอยู่ในที่ดินก่อนหน้านั้นนานแล้วและก่อนวันจดทะเบียน2วันจำเลยที่1คงเป็นหนี้โจทก์อยู่ถึงเก้าแสนบาทเมื่อจดทะเบียนโอนให้แล้วจำเลยที่1ก็หลบหนีไปพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าเป็นการกระทำไปทั้งที่รู้ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบเมื่อเป็นการยกให้โดยเสน่หาลำพังจำเลยที่1ลูกหนี้รู้ฝ่ายเดียวก็ขอให้เพิกถอนได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะทางการเงิน ณ วันออกเช็ค: โจทก์ต้องพิสูจน์เองว่าเงินในบัญชีจำเลยมีไม่พอ ณ วันที่ออกเช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่19เมษายน2526โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่20เมษายน2526โดยอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่ายเมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าในวันที่19เมษายน2526ซึ่งเป็นวันที่จำเลยออกเช็คเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายดังนี้จะฟังว่าการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่20เมษายน2526นั้นในวันที่19เมษายน2526เงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายด้วยหาไม่ได้จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์การมีเงินไม่พอจ่าย ณ วันออกเช็ค จำเลยไม่ต้องรับผิดหากโจทก์มิได้พิสูจน์
จำเลยออกเช็คพิพาท ลงวันที่ 19 เมษายน 2526 โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2526 โดยอ้างว่า เงินในบัญชีไม่พอจ่ายเมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าในวันที่ 19 เมษายน 2526ซึ่งเป็นวันที่จำเลยออกเช็ค เงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายดังนี้ จะฟังว่าการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่ 20เมษายน 2526 นั้น ในวันที่ 19 เมษายน 2526 เงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายด้วยหาไม่ได้ จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะทางการเงิน ณ วันออกเช็ค: จำเลยต้องรับผิดเมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าเงินในบัญชีไม่พอ ณ วันออกเช็ค
จำเลยออกเช็คพิพาทลงวันที่19เมษายน2526โจทก์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่20เมษายน2526โดยอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่ายเมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความว่าในวันที่19เมษายน2526ซึ่งเป็นวันที่จำเลยออกเช็คเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่ายดังนี้จะฟังว่าการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินในวันที่20เมษายน2526นั้นในวันที่19เมษายน2526เงินในบัญชีของจำเลยก็มีไม่พอจ่ายด้วยหาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้เป็นหนี้เพิ่มพ้นตัวในช่วงที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว การรับชำระหนี้ตามเช็คเป็นโมฆะ
การที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้เป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก7ครั้งตามเช็ค7ฉบับที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้รวมเป็นเงิน306,000บาททั้งๆที่หนี้เงินกู้ที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ก็ยังไม่ชำระถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่วิญญูชนจะพึงกระทำโดยเฉพาะเมื่อเช็คฉบับแรกถึงกำหนดแล้วลูกหนี้ไม่นำเงินมาใช้เพื่อนำเช็คกลับคืนไปตามที่ตกลงไว้เจ้าหนี้ยังยอมให้ลูกหนี้กู้ยืมเพิ่มไปอีกโดยวิธีการออกเช็คเพิ่มเติมเรื่อยไปถึง7ฉบับทั้งนี้โดยไม่มีหลักประกันในการกู้และเจ้าหนี้เพิ่งนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินพร้อมกันก่อนลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายไม่ถึง2เดือนซึ่งเจ้าหนี้ทราบดีอยู่แล้วว่าลูกหนี้ได้ปิดบัญชีกับธนาคารแล้วทั้งในขณะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ลูกหนี้กำลังยักย้ายทรัพย์หลบหนีเจ้าหนี้พฤติการณ์เห็นได้ชัดว่าหนี้ตามเช็ค7ฉบับเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้เป็นหนี้เพิ่ม ทั้งที่ทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว การรับชำระหนี้เป็นโมฆะ
การที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้เป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกครั้งตามเช็ค7ฉบับที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้รวมเป็นเงิน306,000บาททั้งๆที่หนี้เงินกู้ที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ก็ยังไม่ชำระถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่วิญญูชนจะพึงกระทำโดยเฉพาะเมื่อเช็คฉบับแรกถึงกำหนดแล้วลูกหนี้ไม่นำเงินมาใช้เพื่อนำเช็คกลับคืนไปตามที่ตกลงไว้เจ้าหนี้ยังยอมให้ลูกหนี้กู้ยืมเพิ่มไปอีกโดยวิธีการออกเช็คเพิ่มเติมเรื่อยไปถึง7ฉบับทั้งนี้โดยไม่มีหลักประกันในการกู้และเจ้าหนี้เพิ่งนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินพร้อมกันก่อนลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลายไม่ถึง2เดือนซึ่งเจ้าหนี้ทราบดีอยู่แล้วว่าลูกหนี้ได้ปิดบัญชีกับธนาคารแล้วทั้งในขณะนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ลูกหนี้กำลังยักย้ายทรัพย์หลบหนีเจ้าหนี้พฤติการณ์เห็นได้ชัดว่าหนี้ตามเช็ค7ฉบับเป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญา การก่อสร้างตึกแถว และการผูกพันตามแบบแปลนที่ได้รับอนุมัติ
สัญญาก่อสร้างตึกแถวระหว่างโจทก์จำเลยมิได้ระบุแบบแปลนการก่อสร้างไว้แน่นอนในตัวสัญญาแต่ได้กำหนดเงื่อนไขให้จำเลยทำการก่อสร้างตึกแถว12 ห้อง ภายในเวลา 2 เดือน นับแต่วันที่ได้รับอนุญาตจากเทศบาล และต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปีนับแต่วันที่เทศบาลอนุญาต ดังนี้ ต้องถือว่า แบบแปลนที่จำเลยยื่นขออนุญาตต่อเทศบาล และได้รับอนุมัติแล้วคือแบบแปลนตามสัญญาที่จำเลย จะต้องทำการก่อสร้างให้ถูกต้อง การตีความสัญญาจะต้องตีความไปตามความประสงค์ในทางสุจริตโดยพิเคราะห์ถึงปกติประเพณีด้วยประกอบกันเมื่อปรากฏว่าข้อความในสัญญาแจ้งชัด และถูกต้องตามทางปฏิบัติอันชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของทางราชการแล้ว ก็ถือได้ว่า ไม่เข้ากรณีที่มีข้อสงสัยอันจะต้องตีความให้เป็น คุณแก่ฝ่ายจำเลยผู้ที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียหาย ในมูลหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งการกระทำโดยไม่มีเจตนาทุจริตและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยจับสุกรของโจทก์ร่วมไปโดยมีเจตนาเพื่อจะนำเงินที่ขายสุกรได้มาหักหนี้ที่โจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยดังที่ได้เคยปฏิบัติต่อกันมาจำเลยไม่มีเป็นเจตนาทุจริตลักสุกรของโจทก์ร่วมดังนี้การที่โจทก์ร่วมฎีกาว่ามิได้ยินยอมให้จับสุกรสุกรยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตนอยู่จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์และฎีกาที่หยิบยกคำพยานขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้ศาลฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ที่มีเจตนาหักหนี้: ปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้องโจทก์โดยฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยจับสุกรของโจทก์ร่วมไปโดยมีเจตนาเพื่อจะนำเงินที่ขายสุกรได้มาหักหนี้ที่โจทก์ร่วมเป็นหนี้จำเลยดังที่ได้เคยปฏิบัติต่อกันมาจำเลยไม่มีเป็นเจตนาทุจริตลักสุกรของโจทก์ร่วมดังนี้การที่โจทก์ร่วมฎีกาว่ามิได้ยินยอมให้จับสุกรสุกรยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตนอยู่จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์และฎีกาที่หยิบยกคำพยานขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้ศาลฟังว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา220.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประทับตราไม้และการพิสูจน์ความผิดฐานตัดไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยทั้งหมด
ป่าที่เกิดเหตุเป็นเขตที่ดินจัดสรรซึ่งจะให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัยกรมป่าไม้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดให้ดำเนินการอนุญาตให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นผู้ทำไม้ออกจากป่า.ป่าไม้จังหวัดมีคำสั่งให้จำเลยที่3พนักงานป่าไม้ประจำสำนักงานป่าไม้อำเภอไปดำเนินการตรวจวัดประทับตราอนุญาตชักลากเมื่อจำเลยที่3ประทับตราชักลากที่ไม้ซึ่งมีรอยตราอนุญาตให้ตัดฟันจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157และเป็นเหตุในลักษณะคดีซึ่งต่อเนื่องไปถึงความผิดของจำเลยที่1ซึ่งได้รับอนุญาตจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ให้ทำไม้ออกจากป่าและจำเลยที่2พนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ผู้ควบคุมการทำไม้ให้ไม่มีความผิดไปด้วยศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่1ที่2ซึ่งมิได้ฎีกาด้วยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา213,225.(ที่มา-เนติฯ)
of 77