พบผลลัพธ์ทั้งหมด 64 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงข้อความเพื่อความชอบธรรมและการป้องกันส่วนได้เสียตามคลองธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์เป็นหัวหน้าแผนกบัญชีของบริษัทบริษัทให้ออกจากงานต่อมาจำเลยซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทได้ปิดประกาศไว้ที่สำนักงานของบริษัทแจ้งแก่พนักงานทุกคนมีใจความว่าแฟ้มเอกสารประวัติพนักงานได้ถูกทำลายและสูญหายไปเป็นการกระทำของอดีตหัวหน้าแผนกบัญชี(คือโจทก์)จึงขอความร่วมมือจากพนักงานทุกคนให้ร่วมกันจัดทำแฟ้มประวัติพนักงานการกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดความเชื่อมโยงกับความเสียหายที่เกิดขึ้น มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
คดีแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2ให้การแก่พนักงานสอบสวนว่าโจทก์ไปซื้อน้ำมันก๊าดจากจำเลยและจำเลยที่3ให้การว่าเห็นโจทก์เข้าร่วมประชุมในห้องทำงานของช.อันเป็นความเท็จทำให้โจทก์ถูกควบคุมตัวถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่ไม่ได้บรรยายว่าการแจ้งความดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอะไรอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ถูกควบคุมตัวถูกตั้งกรรมการสอบสวนและถูกให้ออกและเป็นการแจ้งความเกี่ยวกับคดีอาญาฐานใดศาลไม่อาจเข้าใจหรือพอแปลความหมายได้ฟ้องโจทก์ขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดอันจะพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดความสัมพันธ์กับความเสียหายที่เกิดขึ้นครบถ้วน มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
คดีแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่1และที่2ให้การแก่พนักงานสอบสวนว่าโจทก์ไปซื้อน้ำมันก๊าดจากจำเลยและจำเลยที่3ให้การว่าเห็นโจทก์เข้าร่วมประชุมในห้องทำงานของช. อันเป็นความเท็จทำให้โจทก์ถูกควบคุมตัวถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่ไม่ได้บรรยายว่าการแจ้งความดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอะไรอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องที่โจทก์ถูกควบคุมตัวถูกตั้งกรรมการสอบสวนและถูกให้ออกและเป็นการแจ้งความเกี่ยวกับคดีอาญาฐานใดศาลไม่อาจเข้าใจหรือพอแปลความหมายได้ ฟ้องโจทก์ขาดข้อเท็จจริงและรายละเอียดอันจะพอให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4955/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาพิจารณาบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
การที่จำเลยใช้มีดโต้ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของจำเลยในเวลากลางคืน 1 ที ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์ยาว 6 เซนติเมตร กะโหลกศีรษะใต้บาดแผลแตกเป็นแนวยาวไปตามบาดแผลยาว 5 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยฟันโดยแรงขณะผู้เสียหายเพิ่งโผล่ออกมาจากใต้แคร่ ในสภาพที่ผู้เสียหายซ่อนตัวอยู่ใต้แคร่ซึ่งอยู่ในเขตจำกัด จำเลยอาจจะใช้วิธีการอื่นที่จะสกัดกั้นไม่ให้ผู้เสียหายออกมาและเรียกร้องให้ผู้อื่นมาช่วยจับผู้เสียหายไว้ได้ ทั้งมีทางที่จะสังเกตได้ทันทีว่าผู้โผล่ออกมาเป็นใคร จะเกิดภัยแก่จำเลยเพียงใดหรือไม่ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยใช้มีดฟันผู้เสียหายกะโหลกศีรษะแตกเป็นแนวยาว 5เซนติเมตรแพทย์ลงความเห็นว่ารักษานานกว่า 21 วันหายแต่ได้ความว่าผู้เสียหายรับการรักษาอยู่โรงพยาบาล 6-7 วันแล้วถูกส่งตัวไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก 9 วันจึงกลับบ้านไม่ปรากฏว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องไปรับการรักษาที่ใดอีกหรือไม่ แสดงว่าบาดแผลของผู้เสียหายรักษาไม่เกิน 20 วัน จึงถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายถึงสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297