พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2145/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์แซงซ้ายด้วยความเร็วสูง ชนกับรถยนต์ที่กำลังเลี้ยวเข้าซอย
ก่อนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ตามทางด้านขวาเมื่อถึงซอยเข้าบ้านจำเลย จำเลยได้ขับเลี้ยวซ้ายเข้าซอยซึ่งมีระดับต่ำกว่าถนน ต้องลดความเร็วที่เกิดเหตุมีรอยห้ามล้อรถยนต์จำเลยยาวไม่ถึง 1 เมตร แสดงว่าจำเลยไม่ได้ขับเร็วขณะนั้นเองฝ่ายโจทก์ร่วมขับรถจักรยานยนต์ซึ่งปกติมีความคล่องตัวกว่ารถยนต์มากแซงซ้ายชนรถยนต์ของจำเลยแล้วโจทก์ร่วมกระเด็นข้ามกระโปรงรถยนต์ของจำเลยไปตกที่บริเวณท่อระบายน้ำข้างถนน และรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมแฉลบไปชนรั้วบ้าน แสดงว่าโจทก์ร่วมเองเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วและแซงซ้ายมือโดยไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเฉี่ยวชนกันได้พฤติการณ์ดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าจำเลยประมาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดโดยประมาทและเจตนา, ความรับผิดของผู้สนับสนุน, การรอการลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ร่วมกันตามกฎหมายที่จะต้องร่วมกันจัดทำแผ่นป้ายแสดงข้อความว่ารถกำลังลากจูง และต้องจัดให้มีและเปิดโคม ไฟหรือจุดไฟแสงขาวส่องที่ป้ายดังกล่าว เพื่อให้แสงสว่างเพียงพอสำหรับผู้ใช้ถนนหรือผู้ที่ขับรถยนต์ตามหลังมามองเห็นได้ว่ามีการลากจูง จำเลยทั้งสองสามารถกระทำและใช้ความระมัดระวังดังกล่าวแต่ไม่ได้กระทำ เป็นการละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมาย ตามคำฟ้องของโจทก์กล่าวถึงความประมาทของจำเลยทั้งสองไว้ชัดเจนแล้วว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทอย่างไร โจทก์หาได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัสไม่ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องในข้อ 1(ข)ว่า หลังจากจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องข้อ 1 ก. แล้ว..."และในฟ้องข้อ 1 ก. ดังกล่าวจะมีข้อหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดโดยประมาทอยู่ก็ตามแต่ก็มีความผิดซึ่งเป็นความผิดที่ต้องกระทำโดยเจตนาอยู่ด้วย ทั้งคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ที่ระบุประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83มาด้วย ก็พอที่จะแปลความได้ว่าหมายถึงจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวนั่นเอง หาใช่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาทไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ผู้สนับสนุนในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดนั้น มีได้เฉพาะการสนับสนุนผู้กระทำความผิดโดยเจตนาเท่านั้น ผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดโดยประมาทไม่อาจมีได้ตามกฎหมาย เพราะผู้สนับสนุนต้องมีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผลในการสนับสนุนด้วย โดยสภาพจึงไม่อาจมีการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการกระทำผิดโดยประมาทได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาประเด็นจุดชนที่ไม่ยกขึ้นในศาลอุทธรณ์ และประเมินความประมาทของผู้ขับขี่
ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ไม่ได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยในเรื่องจุดชนว่าอยู่ในทางเดินรถของจำเลยที่ 2การที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าจุดชนอยู่ในทางเดินรถของจำเลยที่ 2จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5012/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดกรรมเดียวจากการขับรถประมาทเลี้ยวตัดหน้าทำให้เกิดอุบัติเหตุ ศาลแก้ไขโทษให้ลงโทษกรรมเดียว
จำเลยขับรถยนต์จะเลี้ยวซ้ายแต่ไม่นำรถเข้าชิดขอบทางเดินรถด้านซ้ายกลับเลี้ยวรถตัดหน้ารถที่โจทก์ร่วมขับในระยะกระชั้นชิดในลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจร และเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกัน ทำให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสและรถที่โจทก์ร่วมขับได้รับความเสียหาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดในครั้งคราวเดียวที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน อันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5012/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลี้ยวรถตัดหน้าประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย: ความผิดกรรมเดียว
จำเลยขับรถยนต์จะเลี้ยวซ้ายแต่ไม่นำรถเข้าชิดขอบทางเดินรถด้านซ้ายกลับเลี้ยวรถตัดหน้ารถที่โจทก์ร่วมขับใน ระยะกระชั้นชิดในลักษณะเป็นการกีดขวางการจราจร และเป็นการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกัน ทำให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสและรถที่โจทก์ร่วมขับได้รับความเสียหาย ถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดในครั้งคราวเดียวที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน อันเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความประมาทของผู้ขับแท็กซี่เมื่อผู้โดยสารเปิดประตูรถทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ศาลยกฟ้องเนื่องจากไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง
จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้างพา น. กับพวกจากประตูน้ำจะไปสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ น. ขอลงขณะเมื่อจำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถที่ 1 และที่ 2 น.เข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ตามหลังมาล้มลงได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของ น. ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อและการพิสูจน์ความรับผิด: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากการกระทำของผู้เสียหายเป็นเหตุโดยตรง
จำเลยขับรถยนต์แท็กซี่รับจ้างพา น. กับพวกจากประตูน้ำจะไปสถานีขนส่งสายใต้ เมื่อรถแล่นมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ น. ขอลงขณะเมื่อจำเลยจอดรถคร่อมช่องทางเดินรถที่ 1 และที่ 2 น.เข้าใจว่าจำเลยจอดรถเพื่อให้ลง จึงเปิดประตูรถด้านซ้ายออกไปกระแทกถูกรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับขี่ตามหลังมาล้มลงได้รับอันตรายสาหัส เช่นนี้ การที่ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสย่อมเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของ น. ส่วนเหตุจากการที่จำเลยจอดรถนั้นไม่เป็นความสัมพันธ์โดยตรงกับผลที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าจำเลยมีส่วนประมาทด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถฝ่าไฟแดงเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
จำเลยที่ 2 ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยกเกษตรมุ่งหน้าไปทางลาดพร้าว เมื่อถึงสี่แยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง จำเลยที่ 2 ได้ขับรถเคลื่อนอย่างช้า ๆ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดงเข้าไปในสี่แยกจนเลยเส้นสีขาวที่กำหนดให้รถหยุดประมาณ 10 เมตรเกือบถึงกลางสี่แยก รถจำเลยที่ 2 จึงขวางทางรถจำเลยที่ 1 ซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วจากถนนรัชดาภิเษกด้านถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าไปตามถนนรัชดาภิเษกเข้าไปในสี่แยก รถจำเลยที่ 1 ห้ามล้อและหักหลบเฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 แล้วเสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษกด้านที่มาจากลาดพร้าว และชนผู้เสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุโดยตรงทำให้รถจำเลยที่ 1 เฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 และชนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถทำให้เกิดอุบัติเหตุและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จำเลยที่ 2 ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยกเกษตร มุ่งหน้าไปทางลาดพร้าว เมื่อถึงสี่แยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษกสัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง จำเลยที่ 2 ได้ขับรถเคลื่อนอย่างช้า ๆฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดงเข้าไปในสี่แยกจนเลยเส้นสีขาวที่กำหนดให้รถหยุดประมาณ 10 เมตรเกือบถึงกลางสี่แยก รถจำเลยที่ 2 จึงขวางทางรถจำเลยที่ 1 ซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วจากถนนรัชดาภิเษกด้านถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าไปตามถนนรัชดาภิเษกเข้าไปในสี่แยกรถจำเลยที่ 1 ห้ามล้อและหักกลบเฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 แล้วเสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษกด้านที่มาจากลาดพร้าวและชนผู้เสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุโดยตรงทำให้รถจำเลยที่ 1 เฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 และชนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายสาหัส จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300,390 และมีความผิดตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 21,22,43,152,157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2212/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถฝ่าไฟแดงทำให้เกิดอุบัติเหตุและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย
จำเลยที่ 2 ขับรถมาตามถนนพหลโยธินจากสามแยกเกษตรมุ่งหน้าไปทางลาดพร้าว เมื่อถึงสี่แยกพหลโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก สัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง จำเลยที่ 2 ได้ขับรถเคลื่อนอย่างช้า ๆ ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรสีแดงเข้าไปในสี่แยกจนเลยเส้นสีขาวที่กำหนดให้รถหยุดประมาณ 10 เมตรเกือบถึงกลางสี่แยก รถจำเลยที่ 2 จึงขวางทางรถจำเลยที่ 1 ซึ่งแล่นมาด้วยความเร็วจากถนนรัชดาภิเษก ด้านถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งหน้าไปตามถนนรัชดาภิเษก เข้าไปในสี่แยก รถจำเลยที่ 1 ห้ามล้อและหักหลบเฉี่ยว ชนรถจำเลยที่ 2 แล้วเสียหลักไปทางขวาไปชนรถที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรในถนนรัชดาภิเษก ด้านที่มาจากลาดพร้าว และชนผู้เสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุโดยตรงทำให้รถจำเลยที่ 1 เฉี่ยวชนรถจำเลยที่ 2 และชนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายและได้รับอันตรายสาหัส.