พบผลลัพธ์ทั้งหมด 489 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การครอบครองเอกสารสัญญาสูญเสียสิทธิ ทำให้เกิดความเสียหายทางกฎหมายแก่ผู้อื่น เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
                        
                        การที่จำเลยเอาหนังสือสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ร่วมไปจากโจทก์ร่วมและนำไปใช้อายัดต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ห้ามทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินแปลงนั้นแม้หนังสือสัญญาจะซื้อขายฉบับดังกล่าวจะถูกยกเลิกไปแล้วโดยคู่สัญญาได้ทำสัญญาขึ้นใหม่แล้วก็ตามการกระทำของจำเลยก็ถือได้ว่าเป็นการเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายแล้ว จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            พยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์และการรับฟังคำซัดทอดจากผู้ร่วมกระทำผิด ศาลฎีกาตัดสินยกฟ้อง
                        
                        โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นยืนยันว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับช. ที่พยานโจทก์เบิกความว่า ช. บอกว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมวางแผนในการกระทำผิดด้วยนั้น เป็นเรื่องพยานโจทก์ได้รับคำบอกเล่าจาก ช. ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลยซัดทอดถึงจำเลย จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้
ลำพังเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่เบิกความประกอบคำรับสารภาพขั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณาจะยังลงโทษจำเลยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหาได้ไม่
                                    ลำพังเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่เบิกความประกอบคำรับสารภาพขั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณาจะยังลงโทษจำเลยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            พยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือและการลงโทษฐานสนับสนุนความผิด จำเลยต้องได้รับการพิจารณาจากพยานที่รู้เห็นโดยตรง
                        
                        โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นยืนยันว่าจำเลยร่วมกระทำผิดกับส.ที่พยานโจทก์เบิกความว่าส.บอกว่าจำเลยเป็นผู้ร่วมวางแผนในการกระทำผิดด้วยนั้น เป็นเรื่องพยานโจทก์ได้รับคำบอกเล่าจากส.ผู้กระทำผิดร่วมกับจำเลยซัดทอดถึงจำเลย จะรับฟังเป็นพยานหลักฐานเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้   ลำพังเพียงคำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่เบิกความประกอบคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณาจะฟังลงโทษจำเลยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหาได้ไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การส่งหมายเรียกปิดผนึกและการนับระยะเวลาคำร้องพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
                        
                        จำเลยทั้งห้าร่วมกันเป็นหุ้นส่วนมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใช้ชื่อทางการค้าว่าสหพรลิ้มการช่าง ได้ร่วมกันก่อสร้างตึกแถวให้เช่า และใช้ตึกแถวมีป้ายชื่อว่าสหพรลิ้มการช่าง เป็นสำนักงานติดต่อกับโจทก์และบุคคลทั่วไป ดังนี้ ตึกแถวชื่อสหพรลิ้มการช่างเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการก่อสร้างตึกให้เช่าของจำเลยทั้งห้าเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้เพราะจำเลยทั้งห้าไปต่างจังหวัด การที่เจ้าพนักงานศาลปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล จึงเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด
                                    เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การส่งหมายเรียกโดยปิดหมายที่ภูมิลำเนาเฉพาะการ และการนับระยะเวลาคำร้องขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
                        
                        จำเลยทั้งห้าร่วมกันเป็นหุ้นส่วนมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใช้ชื่อทางการค้าว่าสหพรลิ้มการช่าง ได้ร่วมกันก่อสร้างตึกแถวให้เช่า และใช้ตึกแถวมีป้ายชื่อว่าสหพรลิ้มการช่าง เป็นสำนักงานติดต่อกับโจทก์และบุคคลทั่วไป ดังนี้ ตึกแถวชื่อสหพรลิ้มการช่างเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการก่อสร้างตึกให้เช่าของจำเลยทั้งห้า เมื่อ ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้เพราะจำเลยทั้งห้าไป ต่างจังหวัด การที่เจ้าพนักงานศาลปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล จึงเป็นการส่งโดยชอบ   เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่น แต่ เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาด ก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเอง ระยะเวลาหกเดือนต้องนับตั้งแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ ที่ ยึด
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การส่งหมายเรียกและคำฟ้องโดยชอบ และกำหนดระยะเวลายื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
                        
                        จำเลยทั้งห้าร่วมกันเป็นหุ้นส่วนมิได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใช้ชื่อทางการค้าว่าสหพรลิ้มการช่าง ได้ร่วมกันก่อสร้างตึกแถวให้เช่า และใช้ตึกแถวมีป้ายชื่อว่าสหพรลิ้มการช่าง เป็นสำนักงานติดต่อกับโจทก์และบุคคลทั่วไป ดังนี้ ตึกแถวชื่อสหพรลิ้มการช่างเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการก่อสร้างตึกให้เช่าของจำเลยทั้งห้าเมื่อส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไม่ได้เพราะจำเลยทั้งห้าไปต่างจังหวัด การที่เจ้าพนักงานศาลปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล จึงเป็นการส่งโดยชอบ
เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด.
                                    เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ที่จำเลยเป็นหุ้นส่วนอยู่เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2525 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่วันที่8 ธันวาคม 2526 อันเป็นเวลาพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดทรัพย์แล้ว จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 ทั้งกรณีมิใช่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นแต่เป็นการบังคับตามคำพิพากษาโดยวิธียึดทรัพย์ และการขายทอดตลาดก็เป็นวิธีการที่สืบเนื่องมาจากการยึดทรัพย์นั่นเองระยะเวลาหกเดือนต้องนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ มิใช่นับจากวันขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อายุความการฟ้องคดีเช็ค: การแจ้งความร้องทุกข์มีผลเริ่มนับอายุความ
                        
                        ข้อความในบันทึกการร้องทุกข์ของโจทก์มีว่า ".....มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดในชั้นนี้ขอรับเช็คคืนไปเก็บรักษาไว้เพื่อจะได้ติดต่อกับผู้สั่งจ่ายอีกทางหนึ่ง" ดังนี้เป็นการแจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ การขอรับเช็คคืนไปเพื่อติดต่อกับผู้สั่งจ่ายมิใช่เป็นข้อความที่แสดงว่ายังไม่มอบคดีให้ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (7) แล้ว เมื่อโจทก์ร้องทุกข์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2531)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อายุความฟ้องอาญาเช็ค: การแจ้งความร้องทุกข์มีผลเริ่มนับอายุความเมื่อใด
                        
                        ข้อความในบันทึกการร้องทุกข์ของโจทก์มีว่า "...มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ในชั้นนี้ขอรับเช็คคืนไปเก็บรักษาไว้เพื่อจะได้ติดต่อกับผู้สั่งจ่ายอีกทางหนึ่ง" ดังนี้เป็นการแจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ การขอรับเช็คคืนไปเพื่อติดต่อกับผู้สั่งจ่ายมิใช่เป็นข้อความที่แสดงว่ายังไม่มอบคดีให้ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(7) แล้ว เมื่อโจทก์ร้องทุกข์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 5 ปีคดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2531
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อายุความฟ้องคดีเช็ค: การแจ้งความร้องทุกข์มีผลเริ่มนับอายุความ และการขอเช็คคืนไม่ถือว่ายังไม่มอบคดี
                        
                        ข้อความในบันทึกการร้องทุกข์ของโจทก์มีว่า '.....มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้สั่งจ่ายตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุดในชั้นนี้ขอรับเช็คคืนไปเก็บรักษาไว้เพื่อจะได้ติดต่อกับผู้สั่งจ่ายอีกทางหนึ่ง' ดังนี้เป็นการแจ้งความกล่าวหาโดยมีเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ การขอรับเช็คคืนไปเพื่อติดต่อกับผู้สั่งจ่ายมิใช่เป็นข้อความที่แสดงว่ายังไม่มอบคดีให้ จึงเป็นคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(7) แล้ว เมื่อโจทก์ร้องทุกข์ภายในกำหนด 3 เดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และโจทก์ฟ้องคดีภายในกำหนด 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ.(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 5/2531)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คำตายของผู้ถูกทำร้ายยืนยันตัวคนร้ายได้ แม้ใกล้เสียชีวิต
                        
                        ผู้ตายระบุชื่อคนร้ายแก่ผู้ถาม 3 ครั้งในเวลาห่างกันไม่มากนัก โดยครั้งที่สามผู้ตายระบุชื่อคนร้ายขณะที่ผู้ตายมีอาการเพียบหนักทุรนทุราย ต่อจากนั้นผู้ตายก็พูดไม่ได้แล้ว แสดงว่าผู้ตายกล่าวย้ำยืนยันในขณะที่ตนเองรู้ตัวว่าใกล้จะตายคำกล่าวของผู้ตายเช่นนี้ย่อมรับฟังเป็นพยานได้ว่าเป็นความจริง