คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถวิล ทองสว่างรัตน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 489 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3592/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าต้องเกิดขึ้นจากการชี้ช่องหรือจัดการที่ทำให้สัญญาสัมฤทธิ์ การเสนอราคาเองไม่ถือเป็นการชี้ช่อง
โจทก์เป็นนายหน้าให้จำเลยในการขายเครื่องมือวิเคราะห์ธาตุในอาหารให้แก่องค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปโดยวิธีพิเศษ แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันทางองค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป ก็ได้กำหนดให้มีการจัดซื้อใหม่โดยวิธีประกวดราคา จำเลยจึงได้ไปยื่นซองประกวดราคาและเจรจาต่อรองราคากับองค์การดังกล่าวเอง จนตกลงทำสัญญาซื้อขายกันได้ การซื้อขายรายนี้จึงสำเร็จลงได้เพราะการเข้าเสนอประกวดราคาของจำเลยเอง โดยโจทก์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนการกระทำของโจทก์ในระหว่างที่เป็นนายหน้าให้จำเลยในตอนแรก ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้ช่องหรือจัดการในส่วนสำคัญอันทำให้สัญญาซื้อขายได้ทำกันสำเร็จในตอนหลัง จำเลยไม่ต้องชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3592/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าต้องเกิดจากการชี้ช่องหรือจัดการที่เป็นเหตุให้สัญญาสำเร็จ หากจำเลยดำเนินการเองจนสำเร็จ ค่านายหน้าจึงไม่เกิด
โจทก์เป็นนายหน้าให้จำเลยในการขายเครื่องมือวิเคราะห์ธาตุในอาหารให้แก่องค์การผลิตอาหารสำเร็จรูปโดยวิธีพิเศษ แต่ยังไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันทางองค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป ก็ได้กำหนดให้มีการจัดซื้อใหม่โดยวิธีประกวดราคา จำเลยจึงได้ไปยื่นซองประกวดราคาและเจรจาต่อรองราคากับองค์การดังกล่าวเอง จนตกลงทำสัญญาซื้อขายกันได้ การซื้อขายรายนี้จึงสำเร็จลงได้เพราะการเข้าเสนอประกวดราคาของจำเลยเอง โดยโจทก์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนการกระทำของโจทก์ในระหว่างที่เป็นนายหน้าให้จำเลยในตอนแรก ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการชี้ช่องหรือจัดการในส่วนสำคัญอันทำให้สัญญาซื้อขายได้ทำกันสำเร็จในตอนหลัง จำเลยไม่ต้องชำระค่านายหน้าให้แก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3346/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาก่อนสมรสต้องจดแจ้งในทะเบียนสมรสจึงมีผล หากไม่จดแจ้ง สัญญาเป็นโมฆะและไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วน
สัญญาก่อนสมรสที่ผู้ร้องและจำเลยทำขึ้นมีข้อความว่า ให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนสมรสตกเป็นสินสมรสนั้น เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องและจำเลยมิได้จดแจ้งข้อความอันเป็นสัญญาก่อนสมรสไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือมิได้ทำสัญญาก่อนสมรสเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้ สัญญาก่อนสมรสดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวถูกโจทก์ยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วนของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3346/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาก่อนสมรสโมฆะเมื่อไม่ได้จดแจ้งข้อความในทะเบียนสมรส ทำให้สิทธิในการกันส่วนทรัพย์สินไม่มีผล
สัญญาก่อนสมรสที่ผู้ร้องและจำเลยทำขึ้นมีข้อความว่า ให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ก่อนสมรสตกเป็นสินสมรสนั้น เมื่อปรากฏว่าผู้ร้องและจำเลยมิได้จดแจ้งข้อความอันเป็นสัญญาก่อนสมรสไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรส หรือมิได้ทำสัญญาก่อนสมรสเป็นหนังสือลงลายมือชื่อคู่สมรสและพยานอย่างน้อยสองคนแนบไว้ท้ายทะเบียนสมรส และได้จดไว้ในทะเบียนสมรสพร้อมกับการจดทะเบียนสมรสว่าได้มีสัญญานั้นแนบไว้ สัญญาก่อนสมรสดังกล่าวย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1466 เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวถูกโจทก์ยึดขายทอดตลาดชำระหนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิร้องขอกันส่วนของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันข้อตกลงประนีประนอมยอมความโดยไม่จำเป็นต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และผลผูกพันตามสัญญา
โจทก์แต่งตั้งให้ ผ. เป็นตัวแทนโจทก์เจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายกับจำเลย โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้ให้สัตยาบันการกระทำของ ผ. ที่ได้ไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับค่าเสียหายซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในฐานะตัวแทนโจทก์ โจทก์ต้องผูกพันในข้อตกลงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797และมาตรา 823 โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ ผ.เจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้สัตยาบันการกระทำของตัวแทนที่ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรผูกพันเจ้าของตามกฎหมาย
โจทก์แต่งตั้งให้ ผ. เป็นตัวแทนโจทก์เจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายกับจำเลย โดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้ให้สัตยาบันการกระทำของ ผ. ที่ได้ไปทำข้อตกลงเกี่ยวกับค่าเสียหายซึ่งเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในฐานะตัวแทนโจทก์ โจทก์ต้องผูกพันในข้อตกลงนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 797 และมาตรา 823 โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้ ผ. เจรจาตกลงเรื่องค่าเสียหายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญาผู้มีภาวะวิกลจริต ศาลต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดก่อนพิพากษา
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อนจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2),225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยวิกลจริตไม่สามารถต่อสู้คดีได้ กระบวนพิจารณาเดิมไม่ชอบ ศาลฎีกาสั่งดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อน จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208(2),225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3248/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาแก่จำเลยวิกลจริต ศาลฎีกาสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ แต่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาและพิพากษาลงโทษจำเลยมาโดยมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 14 เสียก่อนจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกามีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 208 (2), 225 ในอันที่จะสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3120/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำพิพากษาขับไล่และห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดิน: การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินและบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ได้ให้จำเลยอยู่อาศัย และมีคำขอท้ายฟ้องให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินของโจทก์ ให้ส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ ทั้งได้ขอให้ศาลสั่งห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องอีกด้วย ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป ก็ย่อมมีความหมายว่าจำเลยจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกไม่ได้ ทรัพย์สินใด ๆของจำเลยที่อยู่ในที่พิพาทจำเลยต้องเอาออกไปให้พ้นที่พิพาทด้วยดังนั้น เมื่อบ้านเป็นของจำเลย การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่พิพาทจึงไม่เป็นการพิพากษาเกินกว่าคำขอหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องแต่ประการใด.
of 49