คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ถวิล ทองสว่างรัตน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 489 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดยักยอกของตัวแทนธนาคาร: ธนาคารเป็นผู้เสียหายจากการไม่ส่งมอบเงินที่รับชำระหนี้
จำเลยเป็นพนักงานพิธีการสินเชื่อของธนาคาร ก. มีหน้าที่รับชำระหนี้แทนธนาคาร ก. เงินที่จำเลยรับไว้เป็นของธนาคาร ก.จำเลยเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นของตนโดยทุจริต เป็นความผิดฐานยักยอก ธนาคาร ก. จึงเป็นผู้เสียหาย การไปรับฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคารที่มอบหมายให้จำเลยกระทำ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของธนาคาร ก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของพนักงานรับชำระหนี้ที่ยักยอกเงินของธนาคาร: ธนาคารเป็นผู้เสียหาย
จำเลยเป็นพนักงานพิธีการสินเชื่อของธนาคาร ก. มีหน้าที่รับชำระหนี้แทนธนาคาร ก. เงินที่จำเลยรับไว้เป็นของธนาคาร ก. จำเลยเบียดบังเอาเงินนั้นไปเป็นของตนโดยทุจริตเป็นความผิดฐานยักยอกธนาคาร ก. เป็นผู้เสียหาย
การไปรับฝากเงินนอกสถานที่เป็นกิจการของธนาคารที่มอบหมายให้จำเลยกระทำ จำเลยจึงเป็นตัวแทนของธนาคาร ก..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ลดโทษจากฆ่าคนตาย
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้าเมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้าน ผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยังติดตามเข้าไปในบ้านอีก แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยยิงผู้ตายในบ้านหลังถูกทำร้ายบุตรชาย ศาลฎีกาตัดสินลดโทษตามมาตรา 72 (บันดาลโทสะ)
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้า เมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้าน ผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยิงติดตามเข้าไปในบ้านอีก แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง กรณีผู้ตายติดตามบุตรจำเลยเข้าไปในบ้านหลังทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายใช้อาวุธปืนตบหน้าบุตรจำเลยเป็นบาดแผลมีโลหิตไหลที่ใบหน้า เมื่อบุตรจำเลยวิ่งหนีขึ้นบนบ้านผู้ตายซึ่งมีอาวุธปืนยังติดตามเข้าไปในบ้านอีก โดยไม่มีความประสงค์จะทำร้ายบุตรจำเลย แล้วเกิดโต้เถียงกับจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตาม ป.อ. มาตรา 72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับลงวันที่ต่างกัน ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และศาลมีดุลพินิจในการหักวันคุมขัง
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็คซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอศาลก็วินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับลงวันที่ต่างกัน ถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และศาลมีดุลยพินิจในการหักวันคุมขัง
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็คซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒ วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอศาลก็วินิจฉัยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คหลายฉบับลงวันที่ต่างกันถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และศาลมีดุลพินิจในการหักวันคุมขัง
การออกเช็คเป็นการสั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามจำนวนเงินและวันที่ที่ปรากฏในเช็ค ซึ่งผู้ออกเช็คอาจมีเงินจ่ายตามเช็คหรือมีเจตนาให้ใช้เงินตามเช็คแต่ละฉบับหรือไม่แตกต่างแยกจากกันได้ดังนั้น การที่จำเลยออกเช็คหลายฉบับลงวันที่สั่งจ่ายคนละวันกันและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คบางฉบับในวันเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน การที่ศาลจะสั่งให้หักจำนวนวันที่จำเลยถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษาออกจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 22 วรรคแรก แม้โจทก์ไม่มีคำขอศาลก็วินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากตัวการร่วมเป็นผู้ใช้/ผู้สนับสนุน และขอบเขตการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน แต่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมจำหน่ายกัญชาด้วย เพียงแต่ จำเลยที่ 2 ได้ บอกที่ซ่อน กัญชาและขอให้จำเลยที่ 1 ช่วย จำหน่ายกัญชาแทนในขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่อยู่จึงเป็นการก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด อันเป็นความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ซึ่ง ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่าง กับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐาน เป็นผู้ใช้ ให้กระทำผิดไม่ได้
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่ง เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ บอกที่ซ่อน กัญชา และขอให้จำเลยที่ 1 ช่วย จำหน่ายกัญชาแก่ผู้ซื้อแทนนั้น เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1กระทำผิด เป็นความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ซึ่ง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1729/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความแตกต่างฐานความผิด: ผู้ใช้ vs. ผู้สนับสนุน และผลต่อการลงโทษ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน แต่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมจำหน่ายกัญชาด้วย เพียงแต่ จำเลยที่ 2 ได้ บอกที่ซ่อน กัญชาและขอให้จำเลยที่ 1 ช่วย จำหน่ายกัญชาแทนในขณะที่จำเลยที่ 2 ไม่อยู่จึงเป็นการก่อให้จำเลยที่ 1 กระทำผิด อันเป็นความผิดฐาน เป็นผู้ใช้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 ซึ่ง ถือว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาแตกต่าง กับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จะลงโทษจำเลยที่ 2 ฐาน เป็นผู้ใช้ ให้กระทำผิดไม่ได้ การที่จำเลยที่ 2 ซึ่ง เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 ได้ บอกที่ซ่อน กัญชา และขอให้จำเลยที่ 1 ช่วย จำหน่ายกัญชาแก่ผู้ซื้อแทนนั้น เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1กระทำผิด เป็นความผิดฐาน เป็นผู้สนับสนุนตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ซึ่ง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ 2 ได้.
of 49