พบผลลัพธ์ทั้งหมด 451 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสัมพันธ์ทางแพ่งจากการกู้ยืมเงินและการรับเช็คแทนสัญญากู้ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกัน เพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง50,000 บาทและการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัด ผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยที่ผู้เสียหาย เห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะหาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมและการหลอกลวงทางแพ่ง: การกระทำไม่ถึงขั้นฉ้อโกงหากมีเจตนาบังคับชำระหนี้ด้วยสัญญาและเช็ค
ผู้เสียหายยินยอมให้ ด.ภริยาจำเลยกู้ยืมเงินโดยมีอ.เป็นผู้ค้ำประกันเพราะมีเหตุจูงใจจากผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินถึง 50,000 บาท และการที่คู่กรณีทำหนังสือสัญญากู้ไว้เป็นหลักฐานเพราะถ้า ด. ผิดนัดผู้เสียหายก็สามารถบังคับตามสัญญากู้ได้ ไม่ใช่ผู้เสียหายให้กู้ยืมเนื่องจากเชื่อว่า ด. กับจำเลยจะนำเงินไปชำระหนี้ค่าปลูกบ้านและหนี้สหกรณ์ตามที่ ด. กับจำเลยกล่าวอ้างทั้งกรณีที่ผู้เสียหายยอมรับเช็คซึ่งมีจำนวนเงินเท่ากับในสัญญากู้จาก ด. ไว้แทนสัญญากู้แล้วคืนสัญญากู้ให้แก่ฝ่ายจำเลยไป ก็โดยผู้ที่เสียหายเห็นว่าการออกเช็คให้ยึดถือไว้นั้นเป็นหลักประกันที่ดีกว่าสัญญากู้ เพราะนอกจากจะฟ้องบังคับตามจำนวนเงินในเช็คอันเป็นความรับผิดในทางแพ่งแล้ว ผู้เสียหายยังมีสิทธิที่จะฟ้องในทางอาญาซึ่งเป็นช่องทางที่จะบีบบังคับให้ลูกหนี้รีบขวนขวายในการชำระหนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย พฤติการณ์แห่งความผูกพันระหว่างผู้เสียหายกับ ด. และจำเลยจึงเป็นมูลหนี้ในทางแพ่งโดยเฉพาะ หาใช่เป็นความรับผิดในทางอาญาไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิประกันภัยรถยนต์: การบอกกล่าวตัวแทนถือว่าแจ้งผู้รับประกันแล้ว
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยให้แก่ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้วแม้จะเป็นการบอกกล่าวด้วยวาจาก็ถือว่าผู้รับประกันภัยทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยย่อมโอนตามไปยังผู้รับโอนรถยนต์ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 875 วรรคสอง ผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งโอนรถยนต์ที่เอาประกันภัยด้วยวาจาต่อตัวแทนประกันภัยถือว่าผู้รับประกันภัยทราบ สิทธิในสัญญาประกันภัยย่อมโอนตาม
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยให้แก่ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้ว แม้จะเป็นการบอกกล่าวด้วยวาจา ก็ถือว่าผู้รับประกันภัยทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยย่อมโอนตามไปยังผู้รับโอนรถยนต์ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 875วรรคสอง ผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งการโอนรถยนต์ที่เอาประกันภัยด้วยวาจาต่อตัวแทนประกันภัยมีผลผูกพัน สิทธิในสัญญาประกันภัยโอนตามไปด้วย
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยให้แก่ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้ว แม้จะเป็นการบอกกล่าวด้วยวาจาก็ถือว่าผู้รับประกันภัยทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันย่อมโอนตามไปยังผู้รับโอนรถยนต์ด้วยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 875 วรรคสอง ผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิประกันภัยรถยนต์: การบอกกล่าวตัวแทนถือว่าผู้รับประกันภัยทราบ
เมื่อผู้เอาประกันรถยนต์ได้บอกกล่าวการโอนรถที่เอาประกันภัยไว้กับผู้รับประกันภัยให้แก่ตัวแทนของผู้รับประกันภัยทราบแล้วแม้จะเป็นการบอกกล่าวด้วยวาจาก็ถือว่าผู้รับประกันภัยทราบแล้วเช่นเดียวกัน สิทธิอันมีอยู่ในสัญญาประกันภัยย่อมโอนตามไปยังผู้รับโอนรถยนต์ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๗๕ วรรคสอง ผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดตามสัญญาประกันภัยนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยการกระทำร่วมกัน, การแนะนำ พาตัวไปยังที่เปลี่ยว, และการทำร้ายร่างกาย
จำเลยทั้งสามไล่ตาม ผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ 3ตบหน้าและชิง เอาเงินของผู้เสียหายไป โดย จำเลยที่ 2 ล็อก คอผู้เสียหาอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย เพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อก คอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อ ทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ ต้น จนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดถือเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยทั้งสามไล่ตามผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ 3ตบหน้าและชิงเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยจำเลยที่ 2 ล็อกคอผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอยเพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อกคอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์: การพิสูจน์เจตนาและพฤติการณ์ร่วม
จำเลยทั้งสามไล่ตามผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้ว จำเลยที่ 3 ตบหน้าและชิงเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยจำเลยที่ 2ล็อกคอผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกันจำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อกคอและลากตัวผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีก แม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมกันและบทบาทของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยทั้งสามไล่ตาม ผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ ๓ตบหน้าและชิง เอาเงินของผู้เสียหายไป โดย จำเลยที่ ๒ ล็อก คอผู้เสียหาอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ ๑ แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย เพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ก็ล็อก คอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ ๓ ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ ๑ จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อ ทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ ๓ มาตั้งแต่ ต้น จนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์.